AOT ปรับระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยสนามบินทั้ง 6 แห่งเป็นระดับ 3

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 17, 2012 09:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังท่าอากาศยานนานาชาติตามที่ประเทศอิสราเอลแจ้งเตือนอาจมีการก่อเหตุวินาศกรรมว่า ได้กำชับและสั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ท่าอากาศยาน สถานีรถไฟฟ้า และสถานีรถไฟทุกแห่ง

โดยเฉพาะในส่วนของท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT)หรือ ทอท. ได้รับรายงานจาก พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ประธานกรรมการ ทอท.ว่าได้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นระดับ 3 จากเดิมอยู่ที่ระดับ 2 และมีทั้งหมด 4 ระดับ

อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดในระดับสูงสุด แต่จะยกระดับไปถึงระดับ 4 หรือไม่นั้น อยู่ที่การประเมินสถานการณ์ของผู้บริหาร ทอท. และยอมรับว่าการประกาศเตือนดังกล่าวอาจส่งผลกระทบ และสร้างความตื่นตระหนกให้กับนักท่องเที่ยวได้ ส่วนตัวยังเชื่อว่าประเทศไทยไม่ใช่พื้นที่เป้าหมาย แต่การก่อเหตุเพื่อหวังมุ่งทำลายตัวบุคคลมากกว่า

"เรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้นสั่งการไปก่อนหน้านี้แล้วอย่างไม่เปิดเผยทั้ง ทอท.การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ม.) ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าทุกพื้นที่มีระบบการดูแลอย่างเต็มที่ก่อนหน้านี้แล้ว"นายจารุพงศ์ กล่าว

ด้าน พล.อ.อ.สุเมธ กล่าวว่า ระบบการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งในความรับผิดชอบของ ทอท. ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวงเชียงราย หาดใหญ่ และภูเก็ต ได้ยกระดับและเพิ่มความเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นระดับ 3 จาก 2 และได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และกวดขันในเรื่องการตรวจสอบผู้โดยสารที่จะผ่านเข้าออกท่าอากาศยานทุกแห่ง โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ว่าที่เรืออากาศโทนิรุทธ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ท่าอากาศยานทุกแห่งของ ทอท.ได้ปรับระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และเป็นมาตรการที่ได้รับการรับรองจากององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือไอซีเอโอ และได้เพิ่มความเข้มงวดการตรวจตราพื้นที่ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันยังได้ติดตามสถานการณ์ข่าวสารต่างๆ อย่างใกล้ชิดด้วย สำหรับการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยนี้ ไม่มีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น หากจะเพิ่มขึ้นก็บ้างก็ในส่วนของค่าแรงงาน ซึ่งไม่มาก

นายสมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ได้เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยวันละประมาณ 3,000 นาย แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของทอท.ประมาณ 1,000 นาย และเอกชนที่ว่าจ้างเข้ามาอีก ประมาณ 2,000 คน ยังไม่รวมพนักงานรักษาความปลอดภัยที่แต่ละสายการบินว่าจ้างอีก ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเพิ่มกำลังจาก 16 นายเป็น 26 นายหรือเพิ่มขึ้น 62.5 % ทั้งนี้ ได้กำชับให้เพิ่มความรอบคอบในการตรวจตราผู้โดยสารที่ผ่านเข้าออก และสังเกตสิ่งผิดปกติของสิ่งของและผู้โดยสารในพื้นที่ต่างๆและจุดตรวจค้นต่างๆด้วย

ด้านนายวรเดช หาญประเสริฐ อธิบดีกรมการบินพลเรือน กล่าวว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยาน 28 แห่งของกรมฯ ดำเนินการในระดับสูงสุดตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 11 ก.ย. โดยได้มีการเฝ้าระวัง ตรวจตราสิ่งของและผู้โดยสารที่เข้าออกอาคารผู้โดยสาร โดยเฉพาะการเข้าพื้นที่เกี่ยวกับการบิน เช่น อาคารเทียบเครื่องบิน พื้นที่ทางวิ่งทางขับ ต้องตรวจสอบโดยละเอียดไม่มีการอนุโลมผู้ที่ไม่มีบัตรเข้าออกพื้นที่ ส่วนผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินต้องตรวจกระเป๋าสัมภาระอย่างละเอียด

นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังต้องเฝ้าระวัง สังเกตสิ่งผิดปกติต่างๆ และแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหากพบสิ่งผิดปกติด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนี้เป็นพนักงานของกรมฯ ไม่ได้ขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือจัดจ้างเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงไม่เพิ่มขึ้นจากปกติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ