บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (Th) แนะ"ซื้อ"หุ้นกลุ่มยานยนต์ BOI เผยพม่าให้ความสนใจที่จะนำเข้ารถกระบะจากไทย ราว 6-8 หมื่นคัน/ปี โดยพร้อมนำเข้าจากไทยทันที แต่ขณะนี้ผู้ประกอบการรถยนต์ในไทยยังไม่สามารถสรุปราคาจำหน่ายได้ เพราะต้องรอการตัดสินใจจากบริษัทแม่ในญี่ปุ่นก่อน
ทั้งนี้ ปัจจุบันพม่ามีรถใช้อยู่ในประเทศเพียง 3.8 แสนคันหรือเฉลี่ยรถยนต์ 1 คันต่อประชากร 150 คน หรือ 28 ครอบครัวต่อ 1 คัน ซึ่ง 90% เป็นรถที่มีอายุใช้งานเกิน 5 ปีแล้ว และรถส่วนใหญ่ที่ใช้จะเป็นรถยนต์มือสองนำเข้าจากญี่ปุ่น รวมทั้งนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์จากไทยและจีน แต่เนื่องจากจะมีการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 58 พม่าจึงจะนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์และรถยนต์จากไทยมากขึ้น
นับเป็นข่าวบวกกับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนที่จะมีอุปสงค์ใหม่เข้ามาเพิ่มในอนาคต หลักทรัพย์ที่โดดเด่นในกลุ่มนี้ คือ AH, SAT และ STANLY ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ป้อนให้กับรถกระบะเกือบทุกยี่ห้อที่ผลิตและประกอบในประเทศไทยอยู่แล้ว และสำหรับผลประกอบการปี 55 ของบริษัทในกลุ่มนี้ คาดว่าจะเติบโตได้สูงเพราะดีมานด์ในประเทศยังคงแข็งแกร่ง และการส่งมอบรถยนต์ที่เลื่อนจากปีก่อนก็จะเป็นในปีนี้แทน
ขณะที่ค่าย Honda ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตรถยนต์ในไทยตั้งแต่ปลายมี.ค.55 เป็นต้นไป ซึ่งผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนให้ Honda ก็จะเริ่มส่งมอบสินค้าและมียอดขายที่ดีขึ้นตามไปด้วย ด้านผู้บริหารของ AH กล่าวว่าขณะนี้โรงงานที่นิคมไฮเทคกลับมาเดินเครื่องผลิต 60-70% แล้ว และคาดว่าในวันที่ 25-26 ก.พ.55 จะเพิ่มกำลังการผลิตได้เกือบเต็มที่ ยังผลให้ยอดขาย 1Q55 จะฟื้นตัวดีขึ้นจาก 4Q54 ที่ถูกกระทบจากปัญหาน้ำท่วมรุนแรง
ด้าน Valuation พบว่ายังจูงใจมาก โดยขณะนี้หุ้นหลักในกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนซื้อขายที่ P/E ปี 55 เฉลี่ย 8.6 เท่า ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะเติบโตก้าวกระโดด 112%YoY ยังผลให้ PEG ของกลุ่มต่ำเพียง 0.08 เท่า และคาดการณ์ Dividend Yield เฉลี่ยปี 55 ที่ 3.8 เท่า ซึ่งอยู่ระดับค่าเฉลี่ยของตลาดรวม สำหรับหุ้นที่มี P/E ปี 55 ต่ำสุดและมี % Upside สูงสุด คือ STANLY รองลงมาเป็น AH และ SAT