นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บมจ. ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอน เคมิคัลส์ (UAC) เปิดเผยว่า ในปี 55 บริษัทฯประมาณการรายได้ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากเทรดดิ้ง ประมาณ 85% ของรายได้รวม ส่วนอีก 15% จะมาจากบริษัทร่วมทุน และโครงการ CBG ที่จังหวัดเชียงใหม่ และภายใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เกิน 2,000 ล้านบาท ภายใต้แผนการขยายการลงทุนด้านพลังงานทดแทนแล้วเสร็จ ทั้งแผนการขยายการลงทุน ด้านพลังงานทดแทนเพิ่ม 3-4 โครงการ โดยใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่งการมุ่งเน้นต่อยอดการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนนั้น นอกจากเป็นการเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งของบริษัทฯแล้ว ยังเป็นการสอดคล้องกับการที่กระทรวงพลังงานได้สนับสนุนโครงการก๊าซธรรมชาติและก๊าซชีวภาพอัด ของบริษัทฯด้วยเช่นเดียวกัน
โดยขณะนี้บริษัทฯมีออเดอร์ จากกลุ่มที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรเคมี กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันหล่อลื่น กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมพอลิเมอร์และพลาสติก กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ กลุ่มโรงไฟฟ้า เข้ามาในเบื้องต้นแล้วกว่า 200 ล้านบาทจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าภายในไตรมาส 1/55 บริษัทฯ จะมี Backlog order อยู่ 500 ล้านบาท และล่าสุดบริษัทฯยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจาก UOP ในการเข้าไปจำหน่ายเคมีภัณฑ์ในประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำธุรกิจได้ภายในปีนี้
“ดีมานด์ความต้องการใช้สารเคมีภัณฑ์ในประเทศ ยังคงมีอัตราการขยายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อยอดจำหน่ายของบริษัทฯ เนื่องจาก UAC เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารเคมี ให้กับผู้ผลิตชั้นนำรายใหญ่ของโลก" นายกิตติกล่าว
ส่วนโครงการก๊าซชีวภาพอัดจากฟาร์มสุกร หรือ CBG(Compressed Bio-methane Gas ) อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะมีกำลังการผลิตที่ 6-8 ตัน / วัน หรือ ประมาณ 3,000 ตัน/ปี โรงงานจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 55 และสามารถดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ และส่งมอบให้ บมจ.ปตท (PTT) ได้ภายในไตรมาส 2/55 โดย UAC ได้เซ็นสัญญาในการผลิตก๊าซชีวภาพอัดจากฟาร์มสุกร เพื่อส่งมอบและจำหน่ายให้กับ PTT เป็นระยะเวลา 15 ปี และคาดว่าจะได้รับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวเฉลี่ยปีละประมาณ 50 -60 ล้านบาทซึ่งจะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 3/55 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผน เพื่อก่อตั้งโครงการผลิต CBG เพิ่มอีก 2-3 โครงการ งบลงทุนประมาณ 50-100ล้านบาทต่อโครงการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาหาทำเลที่ตั้งโรงงาน และสำรวจวัตถุดิบในการผลิตซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนประมาณไตรมาส 3/55
สำหรับผลประกอบการ งวดปี 54 ว่าบริษัทฯมีกำไรสุทธิ 80 ล้านบาท ลดลง 25% เมื่อเทียบกับปี 53 ที่มีกำไร 108 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 964 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อนที่มีรายได้ 773 ล้านบาท สาเหตุที่กำไรลดลง25% เนื่องจากส่วนแบ่งจากกำไรของบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด ได้ลดลงเป็นผลเนื่องมาจาก น้ำมันปาล์มขาดตลาดในช่วงต้นปี 54 ทำให้ต้องลดการใช้ B-100 ลง และช่วงเกิดมหาอุทกภัยมีน้ำท่วมบริเวณรอบโรงงานรถขนวัตถุดิบและ B100 ไม่สามารถเข้ามาได้ และมีการดับไฟฟ้าบริเวณนั้น ทำให้ไม่สามารถเดินเครื่องผลิตได้เป็นระยะเวลากว่า 1 เดือนในช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน ที่ผ่านมา