นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.อมตะคอร์ปอเรชั่น (AMATA) เปิดเผยว่า บริษัทมีโอกาสทบทวนเป้ายอดขายที่ดินในปีนี้เพิ่มจากที่ตั้งไว้ 3 พันไร่ ซึ่งคาดว่าจะเห็นการทบทวนในครึ่งปีหลัง เนื่องจากปัจจุบันอยู่ระหว่างการดีลและการเซ็นสัญญากับลูกค้าที่สนใจซื้อที่ดินเพิ่ม โดยมีที่ สนใจแล้ว 2-3 พันไร่ แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาซึ่งจะทยอยเซ็นสัญญา นอกจากนี้ยังมียอดขายที่ดินเพิ่มจากการเป็นพันธมิตรร่วมทุนกับโฮลี่เข้ามาเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานคงค้างในมือ 3.7 พันล้านบาท แบ่งเป็นที่อมตะนคร 1.5 พันล้านบาท อมตะตี้ 2.2 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะโอนในปี 55 และจากยอดขายที่ดินที่เพิ่มขึนอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าจะส่งผลต่อรายได้ปีนี้ที่เพิ่มขึ้นด้วย
"ตอนนี้สัญญาณการเข้ามาซื้อที่ดินทั้งสองแห่งดีขึ้นค่อนข้างมากทำให้เห็นแนวโน้มโอกาสทบทวนยอดขายที่ดินในปีนี้และเราก็มองหาที่ดินแห่งใหม่แต่ยังคงเน้นในโซนตะวันออกที่ใกล้เคียงที่ดินเดิมแต่การหาที่ดินเพิ่มคงต้องให้เหลือที่ดิน 1-2 พันไร่ก่อน แต่ตอนนี้เรายังมีที่ดิน 1.4 หมื่นไร่ยังรองรับได้ถึง 3-4 ปี" นายวิบูลย์ กล่าว
ทั้งนี้จากสัญญาการขายที่ดินที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะส่งผลต่อสัดส่วนรายได้ที่มาจากขายที่ดินประมาณ 80% จากปีก่อน 62% ที่เหลือสาธาณูปโภคและอื่นๆ 20%
นอกจากนี้ นายวิบูลย์ กล่าวถึงแผนการลงทุนในต่างประเทศทั้งเวียดนามและพม่าขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน โดยที่เวียดนามอยู่ระหว่างการทำมาสเตอร์แพลนหลังรัฐบาลเวียดนามอนุมัติให้ลงทุนในเดือน ธ.ค. 54 ที่ผ่านมา ซึ่งเบื้องต้นพื้นที่ที่ได้รับการอนุมัติมี 1.5 พันเฮกเตอร์ หรือคิดเป็นพื้นที่ราว 1 หมื่นไร่ ซึ่งการลงทุนยังคงต้องรอความชัดเจนเรื่องภาษีและความพร้อมด้านสาธารณูปโภค ทั้งนี้การลงทุนมาจาก อมตะเวียดนาม ที่มีกระแสเงินสด 30 ล้านดอลล่าร์
ส่วนการลงทุนที่ทวายยอมรับว่าสนใจทำนิคมอุตสาหกรรมที่ทวายแต่ต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลพม่าในด้านสาธารณูปโภคให้ชัดเจนก่อน ซึ่งการลงทุนดังกล่าวเป็นโอกาสที่ทำให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิคซึ่งจะดีด้านการขนส่งโลจิสติกส์