ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 15.82 จุด ขณะตลาดยังกังวลหนี้กรีซ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 22, 2012 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ก.พ.) แต่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซรอบสองจะสามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซได้ ประกอบกับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงได้ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งความกังวลในเรื่องเหล่านี้ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ไม่สามารถไต่ขึ้นเหนือระดับ 13,000 จุดได้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 15.82 หรือ 0.12% แตะที่ 12,965.69 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 0.98 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 1,362.21 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 3.21 จุด หรือ 0.11% แตะที่ 2,948.57 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆและผันผวนตลอดทั้งวัน โดยในช่วงแรกนั้น ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 13,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 ขานรับข่าวที่ว่ารมว.คลังยูโรโซนได้บรรลุข้อตกลงในการอนุมัติมาตรการช่วยเหลือรอบ 2 สำหรับกรีซวงเงิน 1.30 แสนล้านยูโรเมื่อวานนี้ รวมทั้งข่าวที่ว่านักลงทุนภาคเอกชนที่ถือครองพันธบัตรของกรีซ ก็เห็นพ้องต้องกันว่าจะยอมรับการขาดทุนเพื่อให้ความช่วยเหลือกรีซ ด้วยการรับเงื่อนไขการปรับลดมูลค่าหน้าตั๋วพันธบัตรของรัฐบาลกรีซลง 53.5% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะช่วยลดภาระหนี้สินของกรีซและช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่จีนประกาศลดเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะบรรเทาภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อระยะสั้น และรับมือกับวิกฤตการณ์ในตลาดต่างประเทศ โดยคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดราว 4 แสนล้านหยวน หรือ 6.354 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่าไรก็ตาม ช่วงบวกของตลาดเริ่มอ่อนแรงลงในตอนบ่าย เมื่อนักลงทุนเริ่มตระหนักว่ามาตรการให้ความช่วยเหลือรอบสองอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซได้ และคาดว่ากรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้ในที่สุด ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวทำให้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ไม่สามารถเคลื่อนตัวเหนือระดับ 13,000 จุดได้

นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า กรีซจะเผชิญกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยากลำบากต่อไป แม้ได้รับเงินช่วยเหลือรอบใหม่ก็ตาม นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มองว่า เม็ดเงินดังกล่าวอาจจะยังไม่เพียงพอที่จะทำให้หนี้สินของกรีซลดลงมาอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ในระยะยาว และหากพิจารณาจากอัตราว่างงานของกรีซที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 20.9% แล้ว นักวิเคราะห์มองว่าอัตราว่างงานที่สูงเช่นนี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะสร้างความเสียหายต่อระบบสวัสดิการสังคมของกรีซ

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 105 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งนักลงทุนกังวลว่าราคาพลังงานที่สูงขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นพลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเชฟรอนปิดบวก 1.6% และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปิดบวก 1.1%

หุ้นคราฟท์ ฟู๊ดส์ พุ่งขึ้น 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าผลประกอบการเพิ่มขึ้น 57 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่รายได้โดยรวมอยู่ที่ 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.6%

หุ้นเมซี อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำของสหรัฐ เปิดเผยว่ารายได้สุทธิในไตรมาส 4 พุ่งขึ้น 12% หลังจากยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด ซึ่งช่วยหนุนหุ้นเมซีพุ่งขึ้น 1.2% ขณะที่วอล-มาร์ท สโตเรส ยักษ์ใหญ่ห้างค้าปลีกแห่งสหรัฐ เปิดเผยผลกำไรที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลให้หุ้นวอล-มาร์ทดิ่งลง 4%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนวันศุกร์ รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ