(เพิ่มเติม) TTA ตั้งเป้างวดปี 55 รายได้รวมโต 10-15% คาดงวด Q2/55 เริ่มพลิกเป็นกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 22, 2012 13:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ตั้งเป้างวดปี 55 รายได้รวมจะเติบโต 10-15% และมีโอกาสทำกำไร เนื่องจากประเมินค่าระวางเรือเฉลี่ยในปีนี้ที่ 11,000 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงเกินกว่าจุดคุ้มทุนที่ 10,000 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน โดยคาดว่าจะเริ่มเป็นกำไรตั้งแต่งวดไตรมาส 2/55 (ม.ค.-มี.ค.55) หลังจากงวดไตรมาส 1/55 (สิ้น ธ.ค.54)มีผลประกอบการขาดทุน 560 ล้านบาท

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงินและบัญชี TTA กล่าวว่า ในปีนี้รายได้รวมจะเติบโต 10-15% และมีกำไรในทิศทางที่ดีขึ้นในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานจะสร้างรายได้ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งภายใน 3 ปี บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 50% จากปีนี้จะเพิ่มเป็น 40% ขณะที่ปี 54 อยู่ที่ 30%

"ธุรกิจพลังงานเราถือว่าเติบโตค่อนข้างดี ขณะที่ช่วงโลว์ซีซั่นในเขตมรสุม ยังมีการใช้เรือมากเกิน 50% ซึ่งสูงกว่าหลายปีที่ผ่านมาที่ใช้เพียง 40% ถือว่าเป็นการตอบรับที่ดี และแบรนด์เราก็ติดตลาด น่าจะทำให้ในอนาคตเรามีโอกาสในการรับงานมากขึ้น"นางฐิติมา กล่าว

ในส่วนของ บมจ.เมอร์เมด มาริไทม์(เมอร์เมด)รายได้จะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของ TTA ค่อนข้างมากในงวดไตรมาส 3/55 เนื่องจากอัตราการใช้เรือจะกลับไปสู่ปกติที่ 70% รวมทั้งได้รับผลบวกจากการต่อสัญญาให้บริการกับเชฟรอนในอินโดนีเซีย และมีแนวโน้มจะได้รับงานในเฟสต่อไปด้วย

ทั้งนี้ TTA คาดว่าในงวดไตรมาส 2/55 ผลประกอบการจะพลิกมาเป็นกำไร จากงวดไตรมาส 1/55 ที่มีผลขาดทุนทั้งจากการดำเนินงานและรายการพิเศษ ซึ่งในส่วนของกำไรจากการดำเนินงานไม่ได้กังวล แต่กำไรพิเศษอาจจะต้องขอรอดูก่อน

นางฐิติมา กล่าวว่า บริษัทมองค่าระวางเรือที่เป็นจุดคุ้มทุนที่ 10,000 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน หากได้ราคาสูงกว่านั้นจะทำให้บริษัทมีกำไร ซึ่งในงวดไตรมาส 1/55 ค่าระวางเรืออยู่ที่ 10,000 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วันแล้ว ซึ่งการที่จะได้ค่าระวางมากกว่าจุดดังกล่าวจะต้องเจาะตลาดหรือขยายเส้นทางไปไกลกว่าเดิม เพื่อให้ได้ราคาสูงขึ้น

บริษัทยังมีโอกาสที่จะซื้อเรือมือสองเพิ่มจำนวน 3 ลำในปีนี้ จากแผนที่จะได้รับมอบเรือ 2 ลำ จะส่งผลทำให้จำนวนเรือเพิ่มเป็น 20 ลำภายในสิ้นปี 55 จากปัจจุบันอยู่ที่ 15 ลำ และอีก 3 ปีข้างหน้าคาดว่ากองเรือจะเพิ่มเป็น 30 ลำ ซึ่งรูปแบบของการซื้อเรือบางส่วนอาจจะเป็นการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน

"ในธุรกิจเดินเรือคือพยายาม run ให้ break event ภายใต้ค่าระวางเรือที่ลดลง ถ้าทำได้ก็ถือว่าดีแล้วภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ ส่วนเรือเทกองมองว่าปัญหาโอเวอร์ซัพพลายจะสิ้นสุดเร็ว ๆ นี้ เพราะที่ผ่านมามีเรือรับมอบจำนวนมาก และมีการขายเรือกัน ดังนั้นกองเรือที่พอเหมาะและเน้นความปลอดภัยจะดีที่สุด"นางฐิติมา กล่าว

บริษัทยังไม่มีแผนจะนำบมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส(UMS)ออกจากตลาดหลักทรัพย์ แม้ว่าจำนวนสภาพคล่องหุ้นจะต่ำกว่าที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด โดยเชื่อว่าผลประกอบการของ UMS ในงวดไตรมาส 2/55 น่าจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นหลังจากกลับมาขนส่งถ่านหินและคัดแยกได้ตามปกติ จากไตรมาส 1/55 ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม ลูกค้า 70% ที่เป็นระดับกลางถึงใหญ่ยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ที่บริษัทไปลงทุนในเวียดนามมีการเติบโตต่อเนื่อง มีลูกค้าเข้ามาเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการเช่าคลังสิค้า บริษัทก็จะหาพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อรองรับลูกค้าให้ได้มากชึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ