นายสัจจา เจนธรรมนุกูล ประธานกรรมการ บมจ.ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) เปิดเผยว่า ได้ประเมินความเสียหายเบื้องต้นจากการหยุดผลิตน้ำมันจากโรงกลั่นของบริษัท ตั้งแต่ 7 ก.พ.55 เป็นต้นมา เป็นมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจาก บมจ.ปตท. (PTT) ได้หยุดส่งวัตถุดิบ
และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอคำตัดสินของคณะอนุญาโตตุลาการ หลังบริษัทได้ยื่นฟ้องมานาน 2 ปี เกี่ยวกับการยกเลิกสัญญาซื้อขายวัตถุดิบคอนเดนเสทเรสซิดิวที่บริษัททำไว้กับ บมจ. ปตท.(PTT) โดยล่าสุด ได้มีการแต่งตั้งองค์คณะอนุญาโตตุลาการเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะมีการไต่ส่วนในเร็วๆ และคาดว่าคำตัดสินข้อพิพาทจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี
"เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องลุกขึ้นมาปกป้องบริษัทเพื่อรักษาประโยชน์ให้บริษัทและผู้ถือหุ้นรายย่อย หวังว่าคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการจะชดเชยความเสียหายให้บริษัทและผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ และเราพร้อมน้อมรับคำตัดสินทุกกรณี" นายสัจจา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ระหว่างรอคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการ บริษัทได้มีการศึกษาธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องด้านพลังงาน เช่น การลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ยอมรับว่าการลงทุนในธุรกิจใหม่ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากกระแสข่าวที่ผ่านมาทำให้บริษัทถูกลดความน่าเชื่อถือลง เห็นได้ชัดเจนจากสถาบันการเงินได้ลดการให้การสนับสุนนบริษัท
นอกจากนี้บริษัทยอมรับว่ามีแนวคิดที่จะขายโรงกลั่น โดยมีผู้สนใจเข้ามาติดต่อหลายราย แต่ยังไม่มี PTT เข้ามาเจรจาติดต่อแต่อย่างใด
นายสัจจา กล่าวอีกว่า ธุรกิจอื่นๆของบริษัทประกอบด้วย สถานีบริการน้ำมัน ธุรกิจขนส่ง และอสังหาริมทรัพย์ (คอมมูนิตี้มอลล์) ซึ่งมีสัดส่วนรายได้รวมกัน 10% ของรายได้รวม หรือประมาณ 2 พันล้านบาท บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติต่อไป โดยปี 56 บริษัทมีแผนเปิดคอมมูนิตี้มอลล์อีก 1 แห่ง ที่ ถ.ราชพฤกษ์