โบรกฯหนุน"ซื้อ"AH ฟื้นตัวหลังถูกน้ำท่วม-โตตามยานยนต์,ราคาหุ้นยังต่ำ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 23, 2012 10:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้องหนุนเข้าซื้อ บมจ.อาปิโก ไฮเทค(AH) ประเมินธุรกิจเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ Q1/55 หลังในช่วงปลายปี 54 ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 4/54 ที่อาจออกมาขาดทุน แต่ปี 55 ธุรกิจฟื้นตัวได้ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าปีนี้จะมียอดผลิตรถยนต์กว่า 2 ล้านคัน

ทั้งนี้ กระแสความต้องการรถปิกอัพในปีนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้ดีต่อเนื่องทั้งความต้องการในประเทศและส่งออก อีกทั้งพม่าออกมาประกาศที่จะนำเข้ารถปิกอัพจากไทย ซึ่งจะช่วยหนุนธุรกิจของ AH แม้จะยังไม่มีนัยสำคัญในขณะนี้ แต่ถือเป็นแนวโน้มที่ดี

ขณะที่ราคาหุ้นยังค่อนข้างต่ำกว่ากลุ่ม

          โบรกเกอร์             คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.เกียรตินาคิน           ซื้อ                     14.20
          บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง       ซื้อ                     17.00
          บล.ดีบีเอสฯ              ซื้อ                     13.89
          บล.เอเซีย พลัส           ซื้อ                     15.00
          บล.ทรีนิตี้                ซื้อ                     15.00

นายดิษฐนพ วัธนเวคิน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน มองว่า ระดับราคาหุ้น AH ยังค่อนข้างต่ำที่ 0.6-0.7 เท่า จากในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ระดับราคาซื้อขายอยู่ที่ 1 เท่า และ AH เป็นหุ้น Top Pick ของกลุ่ม AUTO

ประเมินว่า AH จะฟื้นตัวได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/55 หลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 54 ที่ท่วมโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค และอาจสร้างความเสียหายและส่งผลต่อผลประกอบการในไตรมาส 4/54 ค่อนข้างมาก แต่ตั้งแต่ ธ.ค.เป็นต้นมา อุตสาหกรรมยายนต์เริ่มฟื้นตัวแล้ว และคาดว่าในปี 55 จะมีการเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งมีการคาดการณ์ยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้อยู่ที่ 2 ล้านคัน แต่ในส่วน บล.เกียรตินาคินประเมินไว้ที่ 1.86 ล้านคัน

“ในไตรมาส 4 ปี 54 ผลประกอบการของ AH อาจจะออกมาแย่มาก หลังโรงงานถูกน้ำท่วม แต่ปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัวได้ดีและน่าจะโดดเด่น ซึ่งจะส่งผลต่อ AH เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถกระบะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปีนี้รถกระบะน่าจะได้รับความนิยมมาก อีกทั้ง มีข่าวที่พม่าสนใจจะนำเข้ารถกระบะจากไทย ก็น่าจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมโดยรวม แม้จะยังไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญ" นายดิษฐนพ กล่าว

ในปี 55 ประเมินว่า AH จะมียอดขายประมาณ 12,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 18% จากปี 54 ที่คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 10,000 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปีนี้ คาดว่าอยู่ที่ 300 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมยานยนต์ยังมีความเสี่ยงที่ส่งผลต่อธุรกิจใน 3 ปัจจัย คือ 1.ปัญหาภัยธรรมชาติ ซึ่งปีก่อนมีสึนามิในญี่ปุ่น และน้ำท่วมใหญ่ในไทย 2.แผนการป้องกันน้ำท่วมของรัฐบาล สามารถดำเนินการได้รวดเร็วแค่ไหน เพราะจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และมีผลต่อการขยายการลงทุนได้ 3.เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน เศรษฐกิจยุโรปมี่ยังเปราะบาง อาจจะมีผลต่อการส่งออก เพราะไทยมีการส่งออกรถยนต์ถึง 50%ของยอดการผลิต

ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ว่า โรงงานที่นิคมฯไฮเทคเตรียมกลับมาดำเนินการผลิตตามปกติอีกครั้งภายในเดือน ก.พ.นี้ และจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมยานยนต์ คาดผลการดำเนินงานของ AH จะพลิกฟื้นจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/54 เป็นกำไรสุทธิได้ในไตรมาส 1/55 และฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติได้ในไตรมาส 2/55 โดยคาดกำไรสุทธิปี 55 จะพลิกฟื้นเป็นกำไรสุทธิ 350 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่จะปรับประมาณการขึ้นอีกได้หากยอดผลิตรถยนต์ปีนี้ทำได้สูงกว่าสมมติฐานหลักตั้งไว้ที่ 1.9 ล้านคัน (เติบโต 30% YoY) ขณะที่สภาอุตสาหกรรมฯตั้งเป้าไว้ที่ 2.1 ล้านคัน (เติบโต 44% YoY)

และจากความนิยมรถปิกอัพและรถคอมแพ็คคาร์หนุนผลการดำเนินงานปีนี้ให้ฟื้นตัว โดยได้อานิสงส์จากนโยบายคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาลจะช่วยหนุนรายได้ของ AH โดยเฉพาะในส่วนของรายได้จากรถปิกอัพอีซูซุ มีรายได้คิดเป็นประมาณ 20% ของรายได้รวม AH ความนิยมในรถปิกอัพซึ่งสามารถใช้งานได้จริงในภาวะน้ำท่วมจะอีกปัจจัยหนุนรายได้จากรถปิกอัพอีซูซุดีแม็คใหม่ ซึ่ง AH เป็นผู้ผลิตช่วงล่างรถปิกอัพให้กับอีซูซุดีแม็คใหม่

แนะนำรอ “ซื้อ" หลังงบไตรมาส 4/54 ที่คาดว่าจะขาดทุนประกาศออกมาก่อน หากมีผลขาดทุนจำนวนมากอาจเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นระยะสั้นได้ ซึ่งถือเป็นจังหวะในการเข้าซื้อสะสม เนื่องจากคาดว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวในไตรมาส 1/55 และเติบโตอย่างต่อเนื่องใน ไตรมาส 2-3/55


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ