นายเขมทัตต์ พลเดช รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการงานตลาดและการขาย บมจ.อสมท(MCOT)เชื่อว่ารายได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 55 จะเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าปัญหาวิกฤติอุทกภัยจะทำให้เม็ดเงินโฆษณาหายไปในช่วงไตรมาส 4/54 ต่อเนื่องไตรมาส 1/55 แต่เห็นสัญญาณเม็ดเงินโฆษณากลับมาดีขึ้นตั้งแต่เดือน ก.พ.55 ถือว่าเร็วกว่าคาด โดยเฉพาะผู้ผลิตหลายราย อาทิ ยูนิลิเวอร์ เริ่มกลับมาใช้เงินโฆษณาเป็นปกติ
และในปีนี้ยังเชื่อว่าภาคอสังหาริมทรัพย์และโทรคมนาคมจะมีการใช้เม็ดเงินโฆษณาค่อนข้างสูง เนื่องจากมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ และเทคโนโลยี 3G ที่จะส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้วยโฆษณามากขึ้น ขณะที่การปรับขึ้นค่าโฆษณาก็ได้ปรับไปตั้งแต่เดือนม.ค.55 แล้ว และยังไม่มีแผนจะปรับเพิ่มอีก
อย่างไรก็ตาม ทั้งปี 55 บริษัทเชื่อว่ารายได้จะเติบโตราว 5-7% จากปี 54 ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรอคณะกรรมการบริษัทอนุมัติผลประกอบการไตรมาส 4/54 และปี 54 ก่อนจะแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในสัปดาห์หน้า
นายเขมทัตต์ ยังเปิดเผยว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อปรับผังรายการครั้งใหญ่หลังจากเดือนมิ.ย.55 โดยขณะนี้ได้พูดคุยกันในคณะกรรมการบริษัทถึงรูปแบบในการปรับผังรายการไปบ้างแล้ว
ขณะที่ธุรกิจการจัดกิจกรรมและคอนเสิร์ต บริษัทก็ยังให้ความสำคัญ โดยเชื่อว่ารายได้ในปีนี้จะเพิ่มจากปีก่อนที่ทำรายได้ราว 400 ล้านบาท โดยจะมีการจัดคอนเสิร์ตวงเกาหลีชื่อดังร่วมกับพันธมิตร รวมทั้งจัดกิจกรรมต่อยอดจากรายการทีวีและคลื่นวิทยุภายใต้การบริหารของ MCOT ด้วย
สำหรับกิจกรรมที่ได้จับมือกับธนาคารกรุงไทย(KTB) เปิดตัวบัตรเดบิตวีซ่า KTB-MCOT Entertainment เป็นบัตรที่เน้นกลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่เริ่มทำงาน โดยจากนี้ถึงสิ้นปีคาดว่าจะมีผู้ถือบัตรเดบิตดังกล่าววถึง 1 แสนใบ ถือว่าเป็นการการตลาดแนวใหม่ของ MCOT ที่เจาะตรงถึงกลุ่มลูกค้า ซึ่งจะให้สิทธิพิเศษด้านกิจกรรมบันเทิงและสาระบันเทิงที่ต่อยอดธุรกิจของ MCOT รวมทั้งให้ส่วนลด โดยร่วมกับพันธมิตรรายอื่น ๆ อาทิ MAJOR , สถาบันสอนคณิตศาสตร์วัน ทู วัน รวมถึงส่วนลดสินค้าแบรนด์ของเซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง
"อสมท เน้นหารายได้อื่นที่ไม่เกี่ยวกับคลื่นความถี่ เพราะจะได้ไม่ต้องมีปัญหาและสูญเสียรายได้จากการมี กสทช. ซึ่งในอนาคตที่จะหารายได้ในส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย"นายเขมทัตต์ กล่าว
ด้านนายอนุชิต อนุชิตานุกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานธุรกรรมอิเล็คทรอนิกส์ และบริการจัดการทางด้านการเงิน ธนาคารกรุงไทย(KTB) กล่าวว่า การออกบัตรเดบิต KTB-MCOT ถือว่ามีความโดดเด่นในแง่สิทธิประโยชน์และเป็นการร่วมมือกันของ 2 องค์กรรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะสามารถทำงานร่วมกันในด้านกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง