บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง(ประเทศไทย)(MBKET)ตั้งเป้าปี 55 ส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ธุรกิจหลักทรัพย์จะเติบโตเป็น 13-14% จากราว 12% ในปี 54 ขณะที่งานด้านวาณิชธนกิจนั้นคาดว่าในปีนี้จะสามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างน้อย 3-4 ราย
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MBKET เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับทางเมย์แบงก์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ในส่วนของเมย์แบงก์ได้มีความสนใจที่จะซื้อกิจการธนาคาพาณิชย์ของไทย แม้จะยอมรับว่าเป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะมีโอกาสเปิดให้สามารถเข้ามาซื้อกิจการได้น้อยมาก และทางเมย์แบงก์สนใจที่จะซื้อกิจการธนาคารที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว เพื่อวางกลยุทธ์ทางธุรกิจในประเทศไทยอย่างครบวงจร ทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และวาณิชธนกิจ รวมถึงทางภูมิศาสตร์ที่จะให้มีความครอบคลุมในอาเซียน
ทั้งนี้ หลังจากที่ได้เมย์แบงก์เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัททำให้โครงสร้างของธุรกิจโดยเฉพาะรายได้มีการปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการรุกธุรกิจวาณิชธนกิจ(IB)ทำได้ดีขึ้น เพราะปัจจุบันธุรกิจหลักทรัพย์มีความแข็งแกร่งดีแล้ว โดยบริษัทฯตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปีนี้ไว้ที่ 13-14% จาก 12% ในปัจจุบัน ซึ่งจะเน้นการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีบัญชีลูกค้า 106,000 บัญชี เป็นบัญชีที่เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ(Active) 4.7 หมื่นบัญชี และมาจากส่วนของ Private wealth
ในปีนี้ MBKET จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 3-4 ดีล และยังมีดีลของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 3-4 ดีล และดีลที่เป็น Fixed Income 1-2 ดีล รวมถึงดีล Infrastruture Fund อีก 1-2 ดีล
นายมนตรี กล่าวต่อว่า จากการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นอาจจะส่งผลต่ออัตราค่าคอมมิชชั่นเฉลี่ยในปี 55 ของบริษัทฯลดลงเล็กน้อยจากปี 54 อยู่ที่เฉลี่ย 0.16% แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้มากนัก เนื่องจากวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมน่าจะดีกว่าปีก่อน และบริษัทมีฐานลูกค้ารายย่อยมาก ซึ่ง 2 เดือนแรกของปีนี้ที่มีการเปิดเสรีฯจะเห็นได้ว่าการแข่งขันไม่ได้รุนแรงมาก และดีกว่าในอดีตที่เคยมีการแข่งขันในเรื่องของราคาด้วยซ้ำ