บมจ.บ้านปู (BANPU) คาดรายได้ในปี 55 โต 15% มาที่ 1.3 แสนล้านบาท จากปริมาณและราคาขายถ่านหินที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น คาดว่าราคาขายเฉลี่ยสูงกว่า 97.06 เหรียญ/ตันในปี 54 โดยตั้งเป้าหมายการผลิตถ่านหินในปีนี้ที่ประมาณ 47.7 ล้านตัน
นอกจากนี้ ได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าถ่านหินในอินโดนีเซียไปแล้ว 51% ของเป้า โดยราคาใกล้เคียงในตลาด
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU กล่าวว่า ในปี 55 คาดว่ารายได้จากการขายรวมจะเติบโตต่อเนื่อง 15% หรือประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ตามปริมาณการผลิตและจำหน่ายถ่านหินจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซียและออสเตรเลียที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของปีนี้คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันตามราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ยังคงอยู่ในระดับที่ดี เพราะความต้องการใช้ถ่านหินในเอเชียที่ยังแข็งแกร่ง
"ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายการผลิตถ่านหินที่ประมาณ 47.7 ล้านตัน โดยจะมาจากแหล่งในอินโดนีเซียประมาณ 27 ล้านตัน ออสเตรเลีย 16.7 ล้านตัน จีน 3 ล้านตัน มองโกเลีย 1 ล้านตัน ส่วนราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของปีนี้คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาถ่านหินเฉลี่ยของเหมืองในอินโดนีเซียซึ่งเป็นหน่วยผลิตที่มีความสำคัญต่อผลประกอบการโดยรวมของบริษัท ซึ่งคาดว่าน่าจะสูงกว่า 97.06 เหรียญสหรัฐต่อตันในปี 54" นายชนินท์ กล่าว
ในปีนี้บ้านปูได้ทำสัญญากำหนดราคาขายถ่านหินในอินโดนีเซียไปแล้ว 51% ของเป้าหมายการขายที่ 27 ล้านตัน หรือประมาณ 14 ล้านตัน ในระดับราคาใกล้เคียงกับราคาขายถ่านหินในตลาด
ขณะที่แผนดำเนินธุรกิจในปีนี้เตรียมงบลงทุน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้ในการพัฒนากำลังการผลิตและปริมาณสำรองถ่านหินจากสินทรัพย์ที่มีอยูในปัจจุบัน ซึ่งมีปริมาณสำรองถ่านหินในขณะนี้รวม 695 ล้านตัน จาก 672 ล้านตันในปีก่อนหน้า
นายชนินท์ เชื่อว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/55 จะดีกว่า ไตรมาส 1/54 แม้ว่าต้นทุนมีแนวโน้มสูงขึ้น 10% โดยเฉพาะราคาน้ำมัน เนื่องจากคาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตถ่านหินเพิ่มเป็น 10.9 ล้านตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 9.4 ล้านตัน ขณะที่ราคาก็คาดว่าจะสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยถ่านหินที่ทำสัญญาขายล่วงหน้าไว้แล้วอยู่ที่ระดับประมาณ 100 เหรียญ/ตัน ซึ่งในปีนี้บริษัทได้มีการขายล่วงหน้าและกำหนดราคาถ่านหินในอินโดนีเซียไปแล้ว 51% ส่วนในออสเตรเลีย ขายล่วงหน้าไปแล้วประมาณ 72% ซึ่งในจำนวนนี้ 31%กำหนดราคาไปแล้ว
* ตั้งงบลงทุน 5 ปี 1,750 ล้านเหรียญ
นายชนินท์ กล่าวว่า บริษัทมีตั้งบลงทุน จำนวน 1,750 ล้านเหรียญในช่วง 5 ปี (ปี 54 -58) โดยจะเน้นลงทุนในออสเตรเลีย เป็นหลัก ใข้เงินลงทุนประมาณ 600 ล้านเหรียญ ในมองโกเลีย 400 ล้านเหรียญ ในอินโดนีเซีย 372 ล่านเหรียญ ในจีน 345 ล้านเหรียญ ส่วนไทย - ลาว 343 ล้านหรียญ
ทั้งนี้ BANPU ตั้งเป้าหมายการผลิตที่ 60 ล้านตันในปี 58 เป็นกำลังการผลิตจากอินโดนีเซีย 30 ล้านตัน ในออสเตรเลีย 20 ล้านตัน มองโกเลีย 5 ล้านตัน และในจีน 5 ล้านตัน
โดยการลงทุนเน้นหน้กที่ออสเตรเลีย โดยเฉพาะในเหมือง Newstan ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายใน 2 ปีครึ่ง เหมืองนิวสแคน กำลังการผลิตเต็มที่ 4.3 ล้านตัน ส่วนในมองโกเลียจะมีการขยายปริมาณสำรอง รวมทั้งอินโดนีเซียด้วย เพื่อขยายปริมาณสำรองถ่านหิน ส่วนไทย - ลาวเป็นการลงทุนในโครงการหงสาเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม เงินลงทุนดังกล่วไม่รวมถึงโอกาสการซื้อเหมืองใหม่ ซึ่งบริษัทยังมองหาการลงทุนที่เหมาะสม โดยเฉพาะในประเทศที่มีการลงทุนอยู่แล้ว อย่างออสเตรเลีย และ อินโดนีเซีย ซึ่งจะเป็นลักษณะขยายรอบๆจากเหมืองที่มีอยู่เป็นหลัก โดยขณะนี้สนใจเหมืองในอินโดนีเซีย เนื่องจากการแข่งขันในการซื้อเหมืองน้อยลงกว่าในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งราคาถ่านหินเคยขึ้นไปสูง และขณะนี้ราคาเหมืองลงมาระดับปกติ และมีการพิจารณาตลอดเวลา แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีข้อสรุปหรือไม่อย่างไร
สำหรับแหล่งเงินลงทุนที่จะมาใช้ในการลงทุน 5 ปี โดยแต่ละปีบริษัทจะมีกระแสเงินสดเข้ามา และหากมีความจำเป็น บริษัทก็มีความสามารถกู้เงินในรูปแบบต่างๆ ได้ ซึ่งที่ผ่านมาออกเป็นหุ้นกู้ระยะยาว แต่ต้องอยู่ภายใต้การรักษาอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)ที่ไม่เกิน 1.1 เท่า โดยปัจจุบัน อยู่ที่ 0.74 เท่า ณ สิ้นปี 54 มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย 9.5 หมื่นล้านบาท เป็นสกุลดอลลาร์ 64% เป็นสกุลเงินบาท 29% เป็นสกุลเงินออสเตรเลีย 7%
ในปีนี้บริษัทืมีแผนออกหุ้นกู้วงเงินเทียบเท่า 2 หมื่นล้านบาท อายุไม่เกิน 15 ปี โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาสภาพตลาดที่เหมาะสมและสกุลเงิน ซึ่งคาดว่าจะแบ่งออกหุ้นกู้เป็นเงินสกุลต่างประเทศบางส่วนและเงินบาทบางส่วน
นายชนินท์ กล่าวว่า BANPU จะไม่ทิ้งการลงทุนในจีน และยังไม่มีแผนขายกิจการใดๆออกไปอีก เนื่องจากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่เป็นธุรกิจหลักในจีนยังไปได้ดี และปริมาณความต้องการถ่านหินในจีนคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น และเป็นตลาดที่ใหญ่มาก โดยเหมืองเกาเหอ คาดว่าจะได้รับใบรับรองการผลิตในไตรมาส 2/55 จากนั้นจะสามารถจะผลิตได้เต็มกำลังที่ 6 ล้านตันต่อปี แต่ในปีนี้ คาดว่าจะผลิตได้ประมาณ 3 ล้านตัน
บริษัทยังมีเหมืองในมองโกเลียที่ยังสามารถทำการตลาดในจีนได้เพิ่มเติมอีก และบริษัทมีแผนพัฒนาเหมืองในมองโกเลีย เพื่อขยายกำลังการผลิตในมองโกเลียเพิ่มขึ้นรวมทั้งรองรับตลาดในจีน