นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า(EGCO)เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1 แห่ง โดยสนใจพื้นที่ในอินโดนีเซีย และ ฟิลลิปปินส์ โดยโรงไฟฟ้ามีขนาด 500 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสรุปได้ในต้นไตรมาส 3/55 ส่วนเม็ดเงินลงทุนขึ้นอยู่กับสัดส่วนการถือหุ้นที่บริษัทได้สิทธิเข้าซื้อ แต่บริษัทต้องการถือหุ้นไม่น้อยกว่า 25%
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนส่วนต่อขยายโครงการโรงไฟฟ้าเควซอนที่ฟิลิปปินส์ อีก 500 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/55
"ตอนนี้เราเจรจา acquire โรงไฟฟ้าในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต เราก็สนใจในแถบอาเซียน แต่ยืนยันว่าจะไม่ทับซ้อนกับราชบุรี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ กฟผ.ด้วยกัน และพร้อมที่จะร่วมมือกัน และพร้อมร่วมมือกันหากมีโครงการที่น่าสนใจ"กรรมการผู้จัดการ EGCO กล่าว
นายสหัส กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมลงทุนในสัดส่วน 49% ในโครงการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ 6 โครงการ ขนาดรวม 57 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการรวม 7 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)และสามารถต่อสัญญาได้ทุก 5 ปี ตลอดอายุโครงการ 25 ปี ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือค่า adder 8 บาท/หน่วยในระยะ 10 ปีแรก
ทั้งนี้ EGCO มีเป้าหมายผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 300 เมกะวัตต์ภายในปี 58 มูลค่าโครงการรวม 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้ EGCO มีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนตามสัดส่วนการถือหุ้น รวม 70 เมกะวัตต์ โดยล่าสุดร่วมทุนกับบริษัท ยันฮี โซล่า เพาเวอร์ จัดตั้งบริษัท Solar Co.(ถือ 49%)พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ 6 โครงการ รวม 57 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม (ถือหุ้น 49%) ขนาด 32 เมกะวัตต์
นายสหัส กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาโรงไฟฟ้าพลังงานลมอยู่ 1-2 โครงการ และ โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 1-2 โครงการเช่นกัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ ซึ่งทั้งนี้ บริษัทต้องการเข้าถือหุ้นประมาณ 50% ของบริษัทที่ทำโครงการพลังงานหมุนเวียน
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซที่พม่า ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและให้พันธมิตรเจรจากับทางการพม่า เนื่องจากบริษัทมีข้อเสนอในการนำโรงไฟฟ้าระยองย้ายไปติดตั้งที่พม่า หากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ไม่ต่อสัญญาโรงไฟฟ้าระยองซึ่งจะหมดอายุ ในปี 57 ทั้งนี้ คาดว่า กฟผ.จะให้คำตอบภายในปีนี้