(เพิ่มเติม) SSI คาดปี 55 พลิกกำไร/เป้ารายได้สูงกว่า 5 หมื่นลบ.,ปีหน้า 7 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 28, 2012 11:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี(SSI) เชื่อว่าในปีนี้ผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไรหลังจากโรงถลุงเหล็กในอังกฤษสามารถเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ตั้งแต่เดือนมี.ค.55 เป็นต้นไป โดยคาดว่ารายได้ในปีนี้จะทำได้สูงกว่า 5 หมื่นล้านบาท ภายใต้ปริมาณยอดขายทะลุ 2.24 ล้านตันใกล้เคียงจุดสูงสุดในปี 53 ขณะที่ปีก่อนมีรายได้ราว 4.79 หมื่นล้านบาท

บริษัทระบุว่าเห็นสัญญาณที่ดีตั้งแต่ไตรมาส 1/55 ที่คาดว่ารายได้จะทำสถิติสูงสุด 1.5 หมื่นล้านบาท จากความต้องการเหล็กทั้งในและต่างประเทศที่มีสูงขึ้น แต่อาจจะยังมีผลประกอบการขาดทุนอยู่ เพราะช่วงต้นไตรมาสโรงถลุงเหล็กในอังกฤษยังเปิดเดินเครื่องไม่ได้

นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ SSI คาดว่า ในปี 55 ยอดขายรวมทั้งกลุ่มน่าจะมากกว่า 5 หมื่นล้านบาทจากปี 54 ที่ 4.79 หมื่นล้านบาท โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายแผ่นเหล็กรีดร้อนในประเทศที่ปีนี้ตั้งเป้าจะทะลุ 2.24 ล้านตัน เท่ากับปี 53 ที่ถือว่าสูงที่สุด และอีกส่วนหนึ่งมาจากการขายเหล็กแท่งแบนของโรงถลุงเหล็กที่อังกฤษ SSIUK ที่จะเริ่ผลิตมี.ค.นี้ และการขายเหล็กโค้ก

ส่วนในปี 56 ตั้งเป้ารายได้รวมทั้งกลุ่มอยู่ที่ 7 หมื่นล้านบาท โดยมาจากการขายเหล็กรีดร้อน 5 หมื่นล้านบาท เหล็กแท่งแบน 2 หมื่นล้านบาท

"ปี 55 ยอดขายจะทะลุ 2 ล้านตันสบายสบาย เพราะตลาดในประเทศ ภาพค่อนข้างดี อุตสาหกรรมรถยนต์จะเป็นพระเอก จากที่ตั้งเป้าผลิต 2 ล้านคัน จะมีการใช้เหล็กคุณภาพพิเศษเยอะ และภาคก่อสร้างได้นโยบายรัฐสนับสนุน วัตถุดิบเรามีใช้เองแล้ว จุดอ่อนตรงนี้ถูกปิดไปแล้ว จึงเชื่อว่าปีนี้ยอดขายและยอดผลิตค่อนข้างสูง" นายวิน กล่าว

นอกจากนี้ปี 55 คาดว่าจะพลิกกลับมากำไรสุทธิ โดยกำไรมาจากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศที่ตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นและเศรษฐกิจฟื้นตัวจากปี 54 และมีนโยบายของภาครัฐขับเคลื่อนการใช้เหล็กให้สูงขึ้น ส่งผลให้ยอดขายสูง ประกอบกับส่วนต่างราคาขายอยู่ในเกณฑ์ที่สูง

ส่วนในไตรมาส 1/55 นายวิน คาดว่ายอดขายน่าจะอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยเป็นยอดขายแผ่นเหล็กรีดร้อน 1.3 หมื่นล้านบาท และที่เหลือเป็นรายได้จากการขายเหล็กโค้กที่โรงถลุงเหล็กในอังกฤษ

"2 เดือนที่ผ่านมาปริมาณขายแผ่นเหล็กรีดร้อนกลับมาปกติแล้ว ทำให้บริษัทมั่นใจว่า รายได้ในไตรมาส 1/55 น่าจะกลับมาใกล้เคียงกับไตรมาส 1/54 โดยปริมาณขายน่าจะอยู่ที่ 5.4 แสนตัน มาร์จิ้น 13-16% เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งยอดขายในไตรมาส 1/55 ที่ 1.5 หมื่นล้านบาทสูงที่สุดของบริษัทตั้งแต่ก่อตั้งมา" นายวิน กล่าว

แต่ในไตรมาส 1/55 น่าจะยังมีขาดทุนอยู่เนื่องจากมีต้นทุนโรงงานที่ไม่ได้ผลิตของโรงงานในอังกฤษ ช่วงเดือนม.ค.- กพ. ทำให้ต้องรับต้นทุนตรงนั้น

สำหรับโรงถลุงเหล็กในอังกฤษ SSIUK จะเริ่มผลิตได้มี.ค.กำลังการผลิตเต็มที่ 3.6 ล้านตัน โดยจะผลิตเต็มที่ได้ในไตรมาส 4/55 ซึ่งโรงถลุงเหล็กในอังกฤษ SSIUK ปี 56 จะเป็นปีที่ทำกำไรได้ โดย EBITDA จะ Break Event มีกำไรได้ในช่วงไตรามาส 3/55 และจะเริ่มกำไรจริงได้หลังเดินเครื่องกำลังการผลิตได้ 90% ในไตรมาส 4/55 ประกอบกับการนำระบบ PCI เข้ามาใช้ทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงถูกลง ซึ่งระบบ PCI นี้จะเข้ากลางไตรมาส 4/55

นายวิน กล่าวต่อว่า กำลังการผลิตของโรงถลุงเหล็ก 3.6 ล้านตัน เป็นเฟส 1 หลังจากที่เดินเครื่องเกิน 90% ก็จะพิจารณาเดินเครื่องเฟส 2 เนื่องจากมีที่ดินอยู่แล้ว อีกทั้งระบบสาธรณูปโภคลงทุนไว้อยู่แล้ว แต่การที่จะพิจารณาลงทุนต้องดูว่าเฟสแรกได้ผลิตเต็มกำลังการผลิตแล้ว ได้ผลตอบแทนกลับมาสู่ผู้ถือหุ้นตามที่ตั้งเป้าหรือไม่ รวมถึงดูภาวะตลาดโลกโดยรวมด้วย

สำหรับแนวโน้มราคาเหล็ก นายวิน มองว่า จากนี้ไปจนถึงกลางปีราคาน่าจะแข็งแกร่งและยืนอยู่ได้ โดยในช่วงเดือนม.ค.ผู้ผลิตเหล็กทั่วโลกลดการผลิตลง ทำให้ตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้น ราคาเหล็กไม่ผันผวนมาก โดยปัจจุบันราคาแผ่นเหล็กรีดร้อนอยู่ที่ 750 เหรียญ/ตัน จาก 650 เหรียญ/ตันในไตรมาส 4/54 ขณะที่ราคาแผ่นเหล็กแท่งแบน ปัจจุบันอยู่ที่ 600 เหรียญ/ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/54 ที่ต่ำสุดที่ 550 เหรียญ/ตัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ