สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 85,238 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 75,007 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 88% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 8,850 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี (LB133A LB15DA และLB17OA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,455 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,230 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC157A) หุ้นกู้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI222A) และหุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN126A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 503 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 16,887 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 5,503 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 9,874 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงโดยเฉพาะในพันธบัตรระยะยาว หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 1 ถึง 10 Basis Point ส่วนหนึ่งมาจากผลการประมูลพันธบัตรธปท.ในวันนี้ นอกจากนี้ตลาดคาดการณ์ว่าอาจจะมีแรงขายพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวออกมาในช่วงนี้ เนื่องจากปริมาณการออกพันธบัตรและหุ้นกู้เพิ่มมากขึ้นในขณะที่อุปสงค์จากนักลงทุนยังมีเท่าเดิม
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.02% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.29% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.04%