ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีในเดือนก.พ. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถชดเชยปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่ย่ำแย่ รวมถึงราคาบ้านที่ร่วงลงอย่างหนักในเดือนธ.ค. และยังช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดที่เหนือระดับ 13,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 23.61 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 13,005.12 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 4.59 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 1,372.18 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 20.60 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 2,986.76 จุด
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนตัวผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของพันธบัตรรัฐบาลกรีซ ลงมาอยู่ที่ระดับ "ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน (selective default)" จากระดับ CC หลังจากรัฐบาลกรีซประกาศแผนการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการสว็อปพันธบัตรเพื่อลดภาระหนี้สินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
จากนั้นตลาดก็ปรับตัวลงมากขึ้นเมื่อสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้ออสินค้าคงทนลดลง 0.4% ในเดือนม.ค. ซึ่งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเดือนม.ค. 2552 และเทียบกับคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ประเมินไว้ว่าจะลดลง 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนธ.ค.
ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านเดือนธ.ค.ของสหรัฐ ลดลง 0.5% โดยดัชนีราคาบ้านในเขตเมือง 20 แห่ง ปรับลงมาแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2546 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงซบเซา
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นทันทีที่คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 70.8 จุด จากระดับของเดือนม.ค.ที่ผ่านการทบทวนแล้วที่ระดับ 61.5 จุด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถพยุงตลาดให้ปิดในแดนบวก และช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดที่เหนือระดับ 13,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 ด้วย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำรอบ 2 ระยะ 3 ปีให้กับธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยหนุนสภาพคล่องในระบบการธนาคารของภูมิภาค ซึ่งนักวิเคราะห์คาดกันว่าอีซีบีจะจัดสรรสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารในวงเงินราว 5 แสนล้านยูโร
หุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 1.8% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 535.41 ดอลลาร์ เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าแอปเปิลเตรียมแถลงเปิดตัวแท็บเล็ต iPad 3 ในวันที่ 7 มี.ค.นี้ที่เมืองซานฟรานซิสโก
หุ้นออฟฟิส ดีโปท์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์สำนักงานรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 19% หลังากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 8.2% หุ้นเชฟรอนดีดตัวขึ้น 7.3% ขณะที่หุ้นไฟเซอร์ปรับตัวขึ้น 4.9%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2554 และธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนก.พ. ส่วนวันศุกร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์คเดือนก.พ.