บลจ.ทิสโก้ ออก 2 กองทุนระยะสั้น เปิดโอกาสให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝาก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 29, 2012 11:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 10% #5 และ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้โรลโอเวอร์ 3M2 เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนอย่างครบถ้วน

โดยกองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 10% #5 ซึ่งเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุนที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) โดยตั้งเป้าทำกำไรที่ 10% ภายในระยะเวลาประมาณ 4 เดือน โดยสามารถปิดกองคืนเงินผู้ถือหน่วยลงทุนได้ก่อนครบกำหนดหากทำกำไรได้ 10% หรือหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 11.000 บาท โดยจะเสนอขายเพียงครั้งเดียว (ไอพีโอ) ในระหว่างวันที่ 1 - 9 มีนาคม 2555

ทั้งนี้กองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific ex Japan (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ประเภทกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ มีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI AC Asia-Pacific ex Japan บริหารและจัดการโดย Lyxor International Asset Management โดยกองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific ex Japan โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

สำหรับ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้โรลโอเวอร์ 3M2 เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้และ/หรือเงินฝากที่เสนอขายในประเทศและ/หรือต่างประเทศ โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 79% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน โดยในกรณีที่มีการลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน

โดยกองทุนดังกล่าวเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะสั้นเนื่องจากจะเปิดซื้อ-ขายทุก ๆ 3 เดือน เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี และไม่เสียภาษีโดยเปิดเสนอขายครั้งแรก (ไอพีโอ) ตั้งแต่ 29 กุมภาพันธ์ - 5 มีนาคม 2555 นี้

ด้าน TISCO Wealth บริการที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจรของกลุ่มทิสโก้ มองว่า วิกฤติยุโรปเริ่มคลี่คลายหลังกรีซได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบ 2 ทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนเริ่มกลับมาส่งผลให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากสภาพคล่องอยู่ในระดับที่สูงมากจากการอัดฉีดสภาพคล่องของทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ขณะที่ดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับที่ต่ำมากทำให้นักลงทุนต้องแสวงหาผลตอบแทนจากตลาดหุ้น และเปิดโอกาสให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการทำ USD carry trade อีกครั้ง เพราะต้นทุนทางการเงินในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่นอยู่ในระดับต่ำมาก

สำหรับภาพการลงทุนโดยรวม คาดว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) มีแนวโน้มดีกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจาก เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยคาด GDP ของภูมิภาคเอเชียในปี 2555 จะขยายตัว 6-7% y-y ซึ่งมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเพียง 2-3% และยุโรปที่คาดว่าจะหดตัวเล็กน้อย ขณะที่ราคาหุ้น Underperform ตลาดภูมิภาคอื่น โดยตลาดหุ้นเอเชียปัจจุบัน trade ด้วย valuation ที่ถูกมาก กล่าวคือ trade ที่ 12M forward P/E และ 12M trailing P/B ที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต นอกจากนี้ ยังtrade ที่ discount จาก ประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งๆ ที่พื้นฐานดีกว่า โดย trade ที่ forward P/E ปี 2555 ที่ 11-12 เท่า ต่ำกว่า US ที่ trade ที่ forward P/E ปี 2555 ที่ 12-13 เท่า ทั้งๆ ที่ EPS growth ของ Asia และ US อยู่ในระดับใกล้เคียงกันที่ประมาณ 10%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ