นายชลัช ขินธรรมมิตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ และสายงานผลิตและเทคนิค บมจ. น้ำตาลขอนแก่น (KSL) คาดรายได้งวดปี 55 เติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.8 หมื่นล้านบาท จากผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนตันน้ำตาล จากปีก่อน 6.1 แสนตันน้ำตาล เนื่องจากโรงงานบ่อพลอยเฟส 2 เสร็จและทำการผลิตได้แล้ว ขณะที่ปริมาณอ้อยเพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านตันอ้อยจากปีก่อน 6.1 ล้านตันอ้อย
แต่ราคาส่งออกในงวดปี 55 คาดว่าจะลดลง 10% จากปีก่อนอยู่ที่กว่า 700 เหรียญ/ตัน หรือประมาณ 22 บาท/กก. แต่ปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 600 กว่าเหรียญ/ตัน หรือประมาณ 19-20 บาท/กก. เนื่องจากปีก่อนราคาส่งออกสูงมาก
อย่างไรก็ดี คาดว่ากำไรสุทธิในงวดปี 55 เติบโต 2 หลัก จากปีก่อนที่มีกำไร 1.89 พันล้านบาท เนื่องจากปริมาณที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาส่งออกจะปรับลดลงก็ตาม
ส่วนงบลงทุนปีนี้ มีจำนวน 2.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นงบจำนวน 2 พันล้านบาท ลงทุนก่อสร้างโรงงานน้ำตาลแห่งที่ 5 ที่จ.เลย และ งบซ่อมบำรุง 500 ล้านบาท โดยแหล่งที่มาของเงินทุนมจากการออกหุ้นกู้เมื่อปลายปีที่แล้ว 1.5 พันล้านบาท และที่เหลือมาจากเงินกู้สถาบันการเงิน โดยบริษัทไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพิ่มทุน 320 ล้านบาท โดยจะให้มติดังกล่าวหมดอายุ(1 ส.ค.55)ไป
สำหรับโรงงานน้ำตาลแห่งที่ 5 ที่จ.เลย บริษัทคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จปลายปีนี้ มูลค่าการลงทุน 3.8 พันล้านบาท แบ่งจ่ายปีนี้ 2 พันล้านบาท และปีหน้าอีก 1.8 พันล้านบาท ทั้งนี้ จะทำให้กำลังการผลิตขยายตัวอีก 20% จากปัจจุบันหีบอ้อยได้ 8 หมื่นตันอ้อยต่อวัน เพิ่มเป็น 9.8 หมื่นตันอ้อยต่อวัน
นายชลัช กล่าวว่า ปีนี้จะเน้นส่งออกมากขึ้นโดยบริษัทตั้งเป้าส่งออก 75%ของผลผลิตน้ำตาล 7 แสนตัน เพราะจะทำให้อัตรากำไรดีขึ้น เพราะบริษัทไม่ต้องนำเงินส่งเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย หากนำส่งออก
แนวโน้มราคาน้ำตาลมองว่า ราคาทรงตัว อยู่ในระดับกว่า 600 เหรียญ/ตัน ภายใต้สถานการณ์ไม่เกิดภัยธรรมชาติ และทุกประเทศมีผลผลิตดีขึ้น ทั้งบราซิล อินเดีย และออสเตรเลีย แต่หากมีภัยธรรมชาติ มีโอกาสที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวขึ้น
ส่วนธุรกิจเอทานอล KSL ตั้งเป้าปี 55 ผลิตขาย 80-90 ล้านลิตร เน้นส่งออก โดยคาดว่าปีนี้จะส่งออกประมาณ 60 ล้านลิตร ซึ่งปัจจุบันทำสัญญาขายไปแล้ว 45 ล้านลิตร
"กำไรของบริษัทจะมาจากการส่งออก บวกกับสินค้าที่ต่อเนื่อง เช่น เอทานอล และธุรกิจไฟฟ้า ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ ก็มีที่ลาวและกัมพูชา ซึ่งมีผลผลิตเป็นน้ำตาลทรายดิบ ส่งออกไปยุโรป ขณะนี้ศึกษาไปตั้งโรงงานที่พม่า เนื่องจากพม่ามีพื้นที่ดี มีแรงงานเยอะ มีท่าเรือใกล้ยุโรป"นายชลัช กล่าว
ปีนี้ บริษัทตั้งเป้ากำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 3.9-4 พันล้านบาท จากปีก่อน ที่มี 3.9 พันล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทจะเปลี่ยนรอบบัญชี จาก พ.ย.- ต.ค. มาเป็น ม.ค.- ธ.ค. ตามปีปฏิทิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นต่อกรมสรรพากร