นายสมชัย เลขาพจน์พานิช ประธานกรรมการ บมจ.แปซิฟิกไพพ์ (PAP) เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5,874 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการที่ยังมีอยู่ค่อนข้างสูงทั้งในและต่างประเทศ และบริษัทจะลงทุน 500-1,000 ล้านบาท ในการขยายคลังสินค้า และขยายฐานการผลิต
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนขยายคลังสินค้า 1 แห่ง และฐานการผลิตเพิ่มอีก 1 แห่ง โดยในส่วนฐานการผลิต ขณะนี้ได้สถานที่แล้วในนิคมอุตสาหกรรมมหาชัย จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 2 แห่ง ขณะที่คลังสินค้ามองสถานที่บริเวณบางขุนเทียนจากที่มีอยู่ 2 แห่ง โดยคาดว่าทั้งฐานการผลิตและคลังสินค้าใหม่จะแล้วเสร็จภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนตัน/ปี จาก 3 แสนตัน/ปี
ทั้งนี้แหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดและเงินกู้ โดยปัจจุบันยังมีอัตราหนี้สินต่อทุนที่ 0.89 เท่า
"เราวางแผนที่จะขยายคลังสินค้า เพราะนอกจากจะรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ยังเป็นการเพิ่มเพื่อลดความเสี่ยง ก่อนหน้านี้คลังสินค้าที่ลาดหลุมแก้ว ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ตอนนี้ยังมีเงินเพียงพอในการลงทุน ถ้าจะเพิ่มทุนคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำ"นายสมชัย กล่าว
อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงให้ความสำคัญ ในการขายสินค้าในประเทศ เนื่องจากความต้องการในประเทศสูงกว่าต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนในประเทศ 80-85% ที่เหลือเป็นการส่งออก
ส่วนราคาเหล็ก ประเมินว่า ในปีนี้จะมีราคาเฉลี่ย 24-25 บาท/กก. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 23 บาท/กก. เป็นไปตามเศรษฐกิจโลก ที่คาดว่าจะมีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ใน 2 - 3 ปีข้างหน้า รวมทั้ง เศรษฐกิจของจีนจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญให้ราคาปรับขึ้นด้วย
ส่วนต้นทุนค่าแรงที่ปรับขึ้นนั้น นายสมชัย กล่าวว่า บริษัทได้ปรับแล้วเมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลดีทำให้บริษัทหาแรงงานได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบัน ได้มีการปรับค่าแรงให้แรงงานต่างด้าวทีมีสัดส่วน 10-20%