ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์และดัชนีหลักๆของตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาส 4/2554
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 53.05 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 12952.07 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 6.50 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 1365.68 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 19.87 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 2966.89 จุด
ในช่วงแรกของการซื้อขายนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ปรับเพิ่มการประมาณการจีดีพีที่แท้จริงประจำไตรมาส 4/2554 ขึ้นเป็น 3.0% เมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้นจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อนที่ 2.8% ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคขยายตัว 2.1% ในช่วงเวลาดังกล่าว หลังจากยอดการใช้จ่ายซื้อรถยนต์และสินค้าคงทนประเภทอื่นๆปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจปีนี้อาจเติบโตแข็งแกร่งขึ้น
ตลาดได้แรงหนุนมากขึ้นหลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศอัดฉีดเงินจัดสรรเงิน 529,530.81 ล้านยูโร (7.133 แสนล้านดอลลาร์) ให้กับภาคธนาคารของยูโรโซน ผ่านมาตรการรีไฟแนนซ์ระยะยาว (LTRO) ระยะเวลา 3 ปีเมื่อวานนี้ ซึ่งยอดการปล่อยกู้ในครั้งนี้มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 470,000 ล้านยูโร และมีธนาคารพาณิชย์ทั้งสิ้น 800 แห่งที่ขอเงินกู้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงหลังจากนั้นไม่นาน เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่เบอร์นันเก้ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ในระหว่างที่แถลงนโยบายการเงินและแนวโน้มเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ เบอร์นันเก้กล่าวเพียงว่า เฟดจะยึดแผนตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อไปจนกว่าจะถึงปลายปี 2557 เป็นอย่างน้อย แม้ว่าอัตราว่างงานจะลดลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม พร้อมกับกล่าวว่า อัตราว่างงานปรับตัวลดลงเร็วกว่าที่เฟดคาดการณ์ จนอยู่ที่ระดับ 8.3% ในขณะนี้ อย่างไรก็ดี เฟดไม่คิดว่าอัตราว่างงานจะลดลงอย่างรวดเร็วในปีนี้ แต่หากอัตราว่างงานยังลดลงอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง เฟดก็จะทบทวนมุมมองที่มีต่อเศรษฐกิจอีกครั้ง
หุ้นดรีมเวิร์ก แอนนิเมชัน ซึ่งเป็นผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง "Kung Fu Panda" ดิ่งลง 12.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 4/2554 ร่วงลง 71% อันเนื่องมาจากการปรับตัวลงของยอดขาย DVD
ห้นนิวส์ คอร์ป ขยับขึ้น 0.3% หลังจากเจมส์ เมอร์ดอค บุตรชายของนายรูเพิร์ท เมอร์ดอค ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานบริหารของบริษัทนิวส์ อินเตอร์เนชันแนล
หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 1.3% หลังจากแอปเปิลยืนยันยว่าจะเปิดตัวแท็บเล็ต iPad 3 ในงานที่จะจัดขึ้นในวันที่ 7 มี.ค.นี้ที่ศูนย์ศิลปะเยอร์บา บูนา เมืองซานฟรานซิสโกของสหรัฐ ซึ่งนักลงทุนคาดการณ์ว่าแอปเปิลจะสามารถทำยอดขาย iPad 3 ได้เป็นจำนวนมาก หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจากการเปิดตัว iPad 2
ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงตามราคาโลหะในตลาดโลก โดยนิวมอนท์ ไมนิ่ง ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 4.2% และหุ้นอัลโค อิงค์ ดิ่งลง 1.9%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนก.พ. ส่วนวันศุกร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์คเดือนก.พ.