นายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมเงินลงทุนประมาณ 8 พันล้านบาทในการพัฒนาโครงการที่ดินสามย่านเนื้อที่ 13 ไร่ หากบริษัทประมูลได้ ซึ่งขณะนี้ได้เข้าเจรจากับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าจะรู้ผลประมูลเมื่อไร
ทั้งนี้ บริษัทได้ยื่นเสนอโครงการพัฒนาที่ดินดังกล่าว เป็นรูปแบบผสมผสาน คือพัฒนาเป็นศูนย์การค้า อพาร์ทเม้นท์ โรงแรมขนาด 500 ห้องระดับไม่เกิน 4 ดาว บนพื้นที่ 2 แสน ตร.ม. อาคารมีความสูงมากกว่า 20 ชั้น คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปี ทั้งนี้การพัฒนาโครงการดังกล่าวจะเป็นการ่วมทุนกับ GIC จากสิงคโปร์ โดย LH ถือหุ้น 60% ส่วน 40% เป็นของ GIC (GOVERNMENT OF SINGAPORE INVESTMENT CORPORATION)
นายอดิศร กล่าวว่า ในปี 55 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ไม่เกิน 6 พันล้านบาท เป็นงบซื้อที่ดิน 5 พันล้านบาท และอีกประมาณ 800-1,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ ศูนย์การค้าลักษณะคล้าย Terminal 21 จากปีก่อนที่บริษัทใช้งบลงทุนกว่า 9 พันล้านบาท
ส่วนกรณีที่กระแสข่าวที่ LH จะขายหุ้น บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์(HMPRO)นั้น นายอดิศร กล่าวว่า ที่ผ่านมามีข่าวเรื่องนี้มาทุกๆ 6 เดือน แต่ไม่ปฏิเสธว่าจะไม่ขายออกไป เพียงแต่รอราคาและจังหวะเวลาที่เหมาะสม
"เรื่องนี้เป็นข่าวทุกๆ 6 เดือน แต่ยังไงสุดท้ายก็ต้องขาย ไม่มีใครกอดไว้จนตาย ...เรารอราคากับ timing สมมติถ้ามีคนมาเสนอซื้อ 20 บาทต่อหุ้น ขณะที่ราคากระดาน 11-12 บาท เราก็ขาย" นายอดิศร กล่าว
ปัจจุบัน LH ถือหุ้นใน HMPRO สัดส่วน 30.7%
สำหรับการเสนอขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพะย์และสิทธิการเช้า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHPF)นั้น อยู่ระหว่างการจัดตั้งกองทุน และรอการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยลงทุนในสิทรัพย์ของ LH 3 โครงการ มูลค่า 3.3 พันล้านบาท ซึ่ง LH จะรับรู้รายได้จากส่วนหนึ่งเกินกว่า 50% หรือเกินกว่า 1.5 พันล้านบาท เพราะโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ เซนเตอร์ พอยท์ สุขุมวิท-ทองหล่อ และ โครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ เซนเตอร์ พอยท์ พร้อมพงษ์ นั้น LH ถือกว่า 49% ที่เหลือเป็น GIC ส่วนโครงการบ้านพักให้เช่า แอล แอนด์ เอช วิลล่า สาทร บริษัทถือ 60% GIC ถือ 40%
ทั้งนี้ LH จะเข้าถือกองทุน LHPF สัดส่วน 15% และ GIC เข้าถือ 15% เช่นกัน
ด้านนายสิทธิไชย มหาคุณ หัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจ บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน กล่าววา จะเปิดจองซื้อหน่วยลงทุน LHPF ในช่วงต้นเดือน มี.ค.นี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประมาณต้นเดือน เม.ย. โดยจะเป็นกองทุนทีใหญ่ 1 ใน 10 (Top ten) ในหมวดกองทุนอสังหาริมทรัพย์
จุดเด่นกองทุนนี้จะมีการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำจนถึงปี 58 ที่อัตราอย่างน้อย 7% โดยทั้ง 3 โครงการที่เป็นสินทรัพย์ใน LHPF มีอัตราการเข้าพักประมาณ 80-90% และแนวโน้มปรับค่าเช่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดิน 80% ส่วนอีก 20% เป็นสิทธิการเช่า อายุ 27 ปี สำหรับโครงการบ้านพักให้เช่า แอล แอนด์ เอช วิลล่า สาทร ทำให้มีโอกาสได้ปรับราคาขึ้นอีก