ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวลงเกือบถึงระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 28.23 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 12,980.30 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 8.41 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 1,374.09 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 22.08 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 2,988.97 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นทันทีที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ก.พ. ลดลง 2,000 ราย มาอยู่ที่ 351,000 ราย ใกล้เคียงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2551 นับเป็นหลักฐานล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ปรับตัวลดลง 5,500 ราย สู่ระดับ 354,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีเช่นกัน โดยข้อมูลนี้ถูกมองว่าสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่า เพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์
ตลาดได้รับแรงหนุนมากขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การบริโภคส่วนบุคคลขยับขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค. หลังทรงตัวในเดือนธ.ค. โดยการใช้จ่ายผู้บริโภคนับว่ามีความสำคัญ เพราะมีสัดส่วนถึง 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ช่วงบวกในตลาดอ่อนแรงลงเมื่อสำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐเดือนก.พ.ยืนอยู่ที่ระดับ 52.4 จุด ลดลงจากเดือนม.ค.ที่ระดับ 54.1 จุด
นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ตลาดยังคงสามารถปิดในแดนบวกได้ เนื่องจากการร่วงลงของจำนวนคนว่างงานในสหรัฐได้ช่วยให้ตลาดผ่อนคลายจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการจ้างงานภายในประเทศ
หุ้นกลุ่มธนคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยหุ้นเจพีมอร์แกนพุ่งขึ้น 2.9% ทำสถิติปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.9% ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดตัวขึ้น 5.2% หลังจากมีรายงานว่าโกลด์แมน แซคส์ ตกลงเข้าซื้อธุรกิจประกันของบริษัทเอเรียล โฮลดิ้งส์ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มพอร์ทการลงทุน
หุ้นกลุ่มรถยนต์ทะยานขึ้นแข็งแกร่งในบรรดาหุ้นอุตสาหกรรม 24 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P 500 โดยหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดการส่งมอบรถยนต์ในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.1% เป็น 209,306 คัน ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 4.8% ขณะที่หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
หุ้นแอปเปิล อิงค์ ดีดขึ้น 0.4% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 544.47 ดอลลาร์ ทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 6 วันทำการ ซึ่งทำให้มูลค่าทางตลาดของแอปเปิลอยู่ที่ระดับสูงกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ และนับเป็นบริษัทรายที่ 6 ของสหรัฐที่มีมูลค่าทางตลาดสูงกว่าระดับดังกล่าว นอกเหนือไปจากไมโครซอฟท์ คอร์ป, เจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี), ซิสโก ซิสเต็มส์, อินเทล คอร์ป และเอ็กซอน โมบิล
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์คเดือนก.พ.ในวันนี้ เวลาประมาณ 21.00 น.