ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) โดยนักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวล่าสุดในยุโรปอย่างใกล้ชิด ในขณะที่ทางฝั่งสหรัฐไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆมาช่วยหนุนนำตลาด ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงได้ส่งผลให้นักลงทุนขายหุ้นกลุ่มพลังงาน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับลง 2.73 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 12,977.57 จุด ดัชนี S&P 500 ลบ 4.46 จุด หรือ 0.32% ปิดที่ 1,369.63 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 12.78 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 2,976.19 จุด
วานนี้ ผู้นำ 25 ประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) ได้ลงนามในสนธิสัญญาฉบับใหม่ซึ่งมีวัตุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตหนี้ยุโรปซ้ำรอยขึ้นอีกในอนาคต
ผู้นำประเทศสมาชิกอีกอียูทั้งหมด ยกเว้นอังกฤษและสาธารณรัฐเช็ก ได้ลงนามในสนธิสัญญาทางการคลังอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ ซึ่งจะกำหนดกฎระเบียบใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการขาดดุลและหนี้สิน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ได้ยินดีกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในยุโรปสักเท่าไรนัก เนื่องจากมองว่า บรรดาผู้กำหนดนโยบายขาดความน่าเชื่อถือในการดำเนินการแก้ไขวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ตลาดวิตกด้วยว่า การใช้มาตรการรัดเข็มขัดเพิ่มเติมจะยิ่งส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวที่เปราะบางอยู่แล้วของภูมิภาค
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป หลังจากที่มีรายงานว่า สเปนมีแนวโน้มที่จะพลาดเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณในปีนี้ โดยนายมาเรียโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณปี 2555 เป็น 5.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่สเปนได้ตกลงกับบรรดาผู้นำอียูก่อนหน้านี้ว่าจะควบคุมตัวเลขขาดดุลไว้ที่ 4.4%
ด้านตลาดน้ำมันที่อ่อนตัวลงเมื่อวันศุกร์ได้ส่งผลให้นักลงทุนขายหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 2.14 ดอลลาร์ หรือ 1.97% ปิดที่ 106.70 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันของซาอุดิอาระเบียอันเนื่องมาจากท่อส่งน้ำมันระเบิด รวมถึงการแข็งค่าของเงินดอลลาร์
สำหรับหุ้นที่อยู่ในความสนใจของตลาดนั้น ได้แก่ หุ้นเยลพ์ อิงค์ ซึ่งทะยานขึ้นเกือบ 64% ในการนำหุ้นเข้าเทรดเป็นวันแรก โดยเยลพ์เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ให้ผู้ใช้เขียนแนะนำสถานที่ต่างๆ รีวิวร้านอาหาร ตลอดจนสินค้าและบริการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค