นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) เปิดเผยว่าในปี 55 บริษัทตตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(NAV)เป็น 3.61 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อนที่มี NAV เท่ากับ 2.68 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 17% เป็น 885 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 753 ล้านบาท
ในปีนี้มีแผนออกกองทุนใหม่จำนวน 25 กองทุน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ออก 23 กองทุน เน้นทั้งกองทุนตราสารหนี้ และกองทุนหุ้น ได้แก่ กองทุนตราสารหนี้ 10 กองทุน กองทุน Target Fund ที่ลงทุนในประเทศ 3 กองทุน กองทุน Target Fund ต่างประเทศ 4 กองทุน กองทุนตราสารทุนในประเทศ 3 กองทุน กองทุนที่ลงทุนในต่างประทศ(FIF) กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และ REITs 3 กองทุน และกองทุน infrastructure Fund อีก 1 กองทุน
นางสาวประภา กล่าวว่า บริษัทจะเน้นกลยุทธ์หล้กในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าจากผลงานการบริหารกองทุนและผลตอบแทนทุกประเภทกองทุน โดยจะลงทุนในซอทแวร์ระบบงานลงทุใหม่ และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ อีกทั้งจะเน้นเรื่องการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ "MFC"และจะขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยจะหาพันธมิตรจากธนาคารต่างประเทศเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายหน่วยลงทุน
ด้านนางสาวพัณณรัชต์ บรรพโต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายบริหารกองทุน MFC คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากปัจจัยเงินทุนไหลเข้า(Fund Flow)ยังเข้ามาต่อเนื่อง ขณะที้ปัญหาหนี้ในยุโรปคลี่คลาย โดยหุ้นไทยในช่วง 2 เดือนแรกปรับขึ้นไป 13% เร็วกว่าที่คาดไว้ ดังนั้น จึงปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยจากเดิมมองไว้ที่ 1,130 จุด บน P/E เฉลี่ย 11.4 เท่า เป็น 1,250 จุด บน P/E 13 เท่า คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 15-18% เศรษฐกิจไทยเติบโต 5-6.1% จากเดิมคาดโต 4.5-5.0%
นอกจากนี้ ปัจจัยหนุนตลาดทั่วโลกมาจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกยังต่ำ โดยเฟดได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย 0-0.25% ออกไปถึงปี 56 และ ธนาคารยุโรป(ECB)ก็จะมีอัตราดอกเบี้ยต่ำถึงปี 57
นายชาคริต พีชพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริมว่า โอกาสตลาดหุ้น/ไทยโตเกิน 30% โดยจาก Target Index1 ที่ให้ไว้ ตลาดยังมี upside 7-8% โดยสภาพคล่องในตลาดยังมีอยู่มาก โดยคาดว่ายังมีเม็ดเงินจากกองทุนในประเทศ และนักลงทุนสถาบัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดจะไม่ปรับขึ้นไปอย่างรุนแรง แต่อาจจะมี correction ได้
นายทอมมี่ เตชะอุบล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ (ฝ่ายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน) กล่าวว่า บริษัทกำลังพูดคุยกับกองทุนของญี่ปุ่น โดยจะช่วยกันหาเงินจัดตั้งกองทุนและร่วมกันบริหาร ทั้งนี้ วัตถุประสงค์จะเข้าลงทุนบริษัทในไทยที่ทำธุรกิจกับนักลงทุนญี่ปุ่น ดีลนี้มีมูลค่าประมาณ 1,100 ล้านบาท คาดว่าจะสรุปใน 3 เดือนหรือประมาณไตรมาส 2/55 ตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 20%ต่อปี อายุลงทุนประมาณ 5 ปี ขณะเดียวกันเตรียมจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 1 กองทุนภายในครึ่งแรกของปีนี้ โดยร่วมกับโบรกเกอร์ในต่างประเทศ