นางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า รายได้รวมในปี 55 ของบริษัทน่าจะเติบโตกว่า 100% จากปี 54 ที่มีรายได้เกือบ 600 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้จะมีการรับรู้รายได้เต็มปี จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้มีการจำหน่ายไฟฟ้าแล้วถึง 6 โครงการ แต่ละโครงการจะรับรู้รายได้เดือนละประมาณ 8-9 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด 34 โครงการ กำลังการผลิตรวมกว่า 240 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนรวม 2.4 หมื่นล้านบาท แต่ละโครงการสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 12 ล้านหน่วยต่อปี และจ่ายไฟฟ้าให้แก่ประชาชนทั่วไปได้กว่า 2 หมื่นครัวเรือนต่อปี ระยะเวลาคืนทุน 7 ปี ซึ่งทั้ง 34 โครงการได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า(Adder)ที่ 8 บาท/หน่วยระยะเวลา 10 ปี
ขณะนี้มีโครงการที่ก่อสร้างเสร็จและจ่ายไฟฟ้าแล้ว 7 โครงการ และเตรียมจะจ่ายไฟฟ้าในเดือนมี.ค. 55 อีก 2 โครงการ และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 7 โครงการงน่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าได้ช่วงปลายไตรมาส 2/55 ส่วนอีก 18 โครงการที่เหลือคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปลายไตรมาส 2/55 อีก 9 โครงการ และปลายปี 55 อีก 9 โครงการ โดยจะจ่ายไฟได้ครบ 34 โครงการภายในปี 56
นางสาววันดี กล่าวว่า บริษัทเตรียมนำเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (PO) เมื่อช่วงปลายเดือนก.พ. 55 ที่ผ่านมาจำนวน 1,260 ล้านบาท ไปพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งที่ 10-16 และบริษัทยังมีแผนจะจัดตั้งกองทุนสาธารณณูปโภคขั้นพื้นฐาน(Infrastructure Fund)ภายในครึ่งแรกของปีนี้เพื่อระดมทุนมาใช้สร้างโรงไฟฟ้า
“ปีนี้คงไม่น่าจะมีการเพิ่มทุนอีกแล้ว เพราะเราก็เข้าใจผู้ถือหุ้นว่าคงไม่อยากให้เพิ่มทุนเช่นกัน เพราะกลัวจะมี Dilution แต่เราก็มองหาวิธีอื่นๆอยู่ ตอนนี้ก็อยากจะจัดตั้งเป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน แล้วเอาสินทรัพย์โครงการแห่งที่ 10-16 ซึ่งเราลงทุนเอง 100% ขายเข้ากองทุน โดยให้สถาบันการเงินที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมาบริหาร คิดว่าน่าจะได้เห็นการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานภายในครึ่งปีแรกนี้"นางสาววันดี กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเข้าไปก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเพื่อนบ้านรองรับการเปิดเสรีการค้าอาเซียนในปี 58 โดยคาดว่าปลายปีนี้น่าจะได้ข้อสรุปการร่วมทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศอินโดนีเซีย หลังรัฐบาลอินโดนีเซียมีแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าชุมชมทั่วประเทศซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกว่า 1 พันเมกะวัตต์
“เราไปอาเซียนแน่นอน เพราะอาเซียนยังโตอีกเยอะ ตอนนี้ที่อินโดนีเซียน่าจะชัดเจนสุด หลังรัฐบาลมีแผนสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนกำลังผลิตโรงละ 1 เมกะวัตต์ทั่วประเทศ คิดว่าปลายปีนี้น่าจะได้ข้อสรุป ตอนนี้กำลังทำแผนธุรกิจอยู่ ซึ่งเราคงไปร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น และคงไม่ได้เข้าไปเป็นรายแรกเพราะการลงทุนในต่างประเทศต้องคำนึงถึงความเสี่ยงด้วย"นางสาววันดี กล่าว