บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี(AGE) เปิดเผยว่า ฝ่ายบริหารจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณาจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 54 เป็นหุ้น เพื่อเก็บกระแสเงินสดไว้ลงทุน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปการซื้อเหมืองถ่านหินแห่งใหม่ในอินโดนีเซีย 1 แห่งภายในครึ่งแรกของปี 55 ขณะที่คลังสินค้าและท่าเรือที่ขยายใหม่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา จะให้บริการได้ภายในปลายไตรมาส 2/55
ส่วนผลประกอบการปีนี้คาดว่าจะมียอดขายถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านตัน จากปีก่อน 1.9 ล้านตัน น่าจะทำให้รายได้เติบโตได้มากกว่า 40% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะสูงขึ้นเป็น 2 หลักได้ภายในปี 58 จากปี 54 ที่อยู่ในระดับ 4.97%
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ AGE เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายปันผลในปี 54 ในรูปแบบหุ้นปันผลเช่นเดียวกับงวดปี 53 เพราะต้องการเก็บกระแสเงินสดไว้ลงทุนซื้อเหมืองถ่านหิน แต่จะจ่ายอย่างไรและอัตราเท่าใดขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัทที่จะมีการประชมในเดือน มี.ค.
อนึ่ง ในปี 53 AGE จ่ายปันผลเป็นหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม อัตรา 8 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล
นายพนม กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องการซื้อเหมืองที่ประเทศอินโดนีเซีย 1 แห่งภายในครึ่งแรกปี 54 จากขณะนี้ที่บริษัทเจรจาอยู่ 2-3 แห่ง สำหรับเงินลงทุนจะมาจากทั้งกระแสเงินสด และเงินกู้จากสถาบันการเงิน
"ตอนนี้เราคุยกันเรื่องซื้อเหมือง 2-3 แห่ง ภายในครึ่งปีแรกน่าจะเห็นได้สัก 1 แห่ง ส่วนเงินลงทุนเราก็มีแบงก์สนับสนุน และตอนนี้เราก็มีส่วนทุนอยู่ประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งเราก็ตั้งเป้าว่าแม้จะซื้อเหมือง D/E ต้องไม่เกิน 3 เท่า ดังนั้น เราจึงสามารถกู้ได้อีกประมาณ 1.6 พันล้านบาท โดยเหมืองที่เราต้องการจะมีปริมาณถ่านหินสำรอง 10 ล้านตัน"นายพนม กล่าว
ในปีนี้บริษัทยังคงตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% จากปี 54 ที่มีรายได้ 5.2 พันล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายถ่านหินในปีนี้ที่ 3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 1.9 ล้านตัน โดยหลักมาจากยอดขายในต่างประเทศ ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะเติบโตกว่า 100% ขณะที่ยอดขายในประเทศเติบโต 5-10%
สำหรับสัดส่วนยอดขายต่างประเทศในปีนี้จะเพิ่มเป็น 40% จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 29% หลังบริษัทมีแผนขยายตลาดใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะเริ่มมีการรับรู้ยอดขายจากประเทศอินเดียเข้ามา นอกจากนี้ บริษัทได้ศึกษาการขยายตลาดไปตลาดแถบเพื่อนบ้าน รวมทั้งในประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน
นายพนม กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าจะมีอัตรากำไรสุทธิ เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักภายในปี 58 จากปี 54 มีอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 4.97%
ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างท่าเรืองและคลังสินค้าแห่งใหม่ ที่อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะนี้ การก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า 70% โดยคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องพาณิชย์ได้ในไตรมาส 2 ปี 55
"ไตรมาสหนึ่ง ยอดขายคงไม่โตเท่าไร หลังยังมีหลายปัจจัยกดดัน ทั้งการที่จีนปรับลด GDP ลง เศรษฐกิจยุโรปก็ยังมีปัญหา สหรัฐก็ยังฟื้นตัวไม่แข็งแกร่ง แต่ทั้งปีเรายังมั่นใจว่ารายได้เราจะโตไม่ต่ำกว่า 40% โดยน่าจะไปเติบโตในครึ่งปีหลังอย่างชัดเจน"นายพนม กล่าว