นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรม 39 รายได้ยื่นฟ้อง การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม รมว.อุตสาหกรรม รมว.คลัง คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้มีคำพิพากษาให้ระงับและเพิกถอนการดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนหรือพนังกั้นน้ำรอบ 11 นิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี กทม. และสมุทรปราการ
อีกทั้งขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้หน่วยงานร่วมกันจัดทำแผนการระบายน้ำอย่างเป็นรูปธรรม กำหนดหลักเกณฑ์การชดเชยเยียวยา ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรอบ 11 นิคมอุตสาหกรรม และให้หน่วยงานปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 57, 58, 66 และ 67 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 มาตรา 46-51 พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 มาตรา 5, 10 และ 11 และพ.ร.บ.การขุดและถมดิน พ.ศ.2543 มาตรา 26 และมาตราอื่นๆ ก่อนที่จะดำเนินการเห็นชอบหรืออนุมัติการสร้างเขื่อนหรือพนังกั้นน้ำ
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เหตุที่ทางสมาคมต้องฟ้องคดีดังกล่าว เพราะการที่รัฐสนับสนุนให้นิคมอุตสาหกรรมสร้างเขื่อนหรือพนังกั้นน้ำจะนำไปสู่ความขัดแย้งของประชาชนโดยรอบนิคมฯ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐขาดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน อีกทั้งยังไม่ปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เคยระบุแล้วว่า การที่นิคมฯ จะปรับปรุงระดับความสูงของพนังกั้นน้ำ จะต้องส่งรายละเอียดให้คณะกรรมการชำนาญการพิจารณาโครงการด้านอุตสาหกรรมของ สผ. พิจารณาผลกระทบใหม่ แต่การนิคมฯ กลับนิ่งเฉยและเร่งเสริมความสูงของพนังกั้นน้ำ
การฟ้องคดีครั้งนี้ทางสมาคมฯ ยังได้ขอให้ศาลกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวโดยสั่งให้หน่วยงานระงับการก่อสร้างเขื่อนหรือพนังกั้นน้ำไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา