บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.บ้านปู(BANPU)เผชิญข่าวลบเชิง Sentiment จากข่าวอินโดนีเซียจะให้ต่างชาติลดสัดส่วนการถือหุ้นเหมืองในประเทศให้เหลือ 49% จากเดิม 80% ในระยะเวลา 10 ปีนับจากเริ่มทำการผลิต ปัจจุบัน BANPU ถือหุ้นแหล่งถ่านหิน ITMG สัดส่วน 66%
หากต้องทยอยลดสัดส่วนการลงทุน BANPU ยังสามารถรับรู้เป็นกำไรจากเงินลงทุนส่วนนี้ได้ และทำการจ่ายเป็นปันผลพิเศษอย่างที่เคยทำมาแล้วให้กับผู้ถือหุ้น การลงสัดส่วนลงทำให้รายได้และกำไรลดลง เป็นผลลบระยะยาว เพราะ Return on Investment ที่อินโดนีเซียยังคงสูงกว่าแหล่งถ่านหินอื่นของ Gross Profit Margin ก็ดีกว่าเหมืองอื่น คือสูงถึงเกือบ 50% ASP (Average Selling Price) ดีกว่าที่อื่น
พร้อมแนะนำรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวระดับ 608-620 บาท แต่ก็คาดว่าหากมีการขายสัดส่วนถือหุ้นออกระยะสั้น จะยังรับรู้กำไรรวมถึงปันผลพิเศษได้ก่อน
ขณะที่ บล.เอเชียพลัส ระบุว่า ไม่กระทบ BANPU เพราะบังคับใช้กับสัมปทานใหม่ เท่านั้น โดยฝ่ายวิจัยมีมุมมอง Neutral สำหรับประเด็นดังกล่าวหลังจากได้ข้อมูลชี้แจงเพิ่มเติมจากผู้บริหารของ BANPU ดังนี้ 1) ข้อกำหนดใหม่ที่รัฐบาลอินโดนีเซียกำหนดให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นในธุรกิจเหมืองได้ไม่เกิน 49% นั้น จะเป็นการบังคับใช้สำหรับสัมปทานใหม่ๆเท่านั้น ซึ่งเหมืองถ่านหินที่ BANPU ถือหุ้นอยู่นั้น ถือเป็นสัมปทานเก่าที่ส่วนใหญ่ได้รับมานานกว่า 10 ปี แล้ว
2) การถือหุ้นของ BANPU ในธุรกิจเหมืองถ่านหินนั้น เป็นการถือหุ้นผ่านบริษัท Indo Tambang RayaMegha (ITMG) ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย และ ITMG เข้าถือหุ้นโดยตรงในเหมืองถ่านหินแต่ละแห่ง ดังนั้นจึงถือว่าเหมืองถ่านหินแต่ละแห่งถือหุ้นโดยบริษัทที่มีสัญชาติอินโดนีเซีย 100% (Domestic Investment Company) จึงไม่จำเป็นต้องทยอยลดสัดส่วนลง
ดังนั้น จากข้อกำหนดใหม่ดังกล่าวฝ่ายวิจัยคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประมาณการ และมูลค่าพื้นฐานปัจจุบันของ BANPU อีกทั้งฝ่ายวิจัยมีความเชื่อว่าหาก BANPU จะทำการลงทุนในธุรกิจเหมืองในประเทศอินโดนีเซียใหม่ๆ ก็จะยังอยู่ในรูปแบบเดิมคือลงทุนผ่าน ITMG ซึ่งมีสัญชาติอินโดนีเซีย จึงไม่น่ากังวลแต่อย่างใด
วานนี้(8 มี.ค.)หุ้น BANPU ปิดที่ 634 บาท ลดลง 4 บาท(-0.63%)