นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ผลศึกษาเรื่องการปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีและเอ็นจีวีรอบใหม่ที่มอบหมายให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปดำเนินการนั้นจะแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.นี้ จะต้องมีการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือนแน่นอน เนื่องจากขณะนี้ราคาตลาดโลกสูงกว่าในประเทศเกือบ 4 เท่าตัว โดยราคาตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่วนในประเทศอยู่ที่ 333 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันเท่านั้น ส่งผลให้มีการลักลอบส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาก เพราะราคาในประเทศเพื่อนบ้านอยู่ที่ 40-50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนในประเทศอยู่ที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการทยอยปรับราคาโดยคำนึงเงินเฟ้อและช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย รวมถึงพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งจะปรึกษากับหน่วยงานด้านการไฟฟ้าถึงรูปแบบการช่วยเหลือเช่นเดียวกับการอุดหนุนค่าไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อครัวเรือนได้หรือไม่ และหากจะปรับขึ้นภาคครัวเรือนก็คงจะเป็นอย่างช้าที่สุดในช่วงฤดูหนาวปีนี้ หรือราวเดือน ก.ย.-ต.ค.55 ไม่เช่นนั้นเงินกองทุนน้ำมันจะขาดทุนสูงมากจากการอุดหนุน ซึ่งปัจจุบันกองทุนฯ ขาดทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท
"การปรับราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนจะทยอยปรับให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด แต่หากยังปรับไม่ได้ราคาค่าขนส่งและเอ็นจีวีคงจะทยอยปรับสูตรเดิมไปก่อน โดยเฉพาะจากแอลพีจีตลาดโลกสูงขึ้น ขณะนี้ไม่ได้ปรับแอลพีจีภาคครัวเรือนนานนับ 10 ปี ที่สำคัญทุกฝ่ายต้องช่วยชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจราคาพลังงานมากขึ้น" นายอารักษ์ กล่าว
รมว.พลังงาน ยังกล่าวถึงนโยบายและทิศทางพลังงานประจำปี 55 ว่า จะเน้นตามยุทธศาสตร์ของกระทรวง เช่น สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน การส่งเสริมพลังงานทดแทน การกำกับกิจการพลังงาน ราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม การผลักดันอุตสาหกรรมพลังงานเพื่อสร้างรายได้แก่ประเทศ เป็นต้น
ที่ผ่านมากระทรวงฯ โดย บมจ.ปตท.(PTT) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เพราะต้องเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ดังนั้นทางกระทรวงฯ อยู่ระหว่างพิจารณาจะทำอย่างไรให้เกิดภาพลักษณ์ที่มีการแยกออกจากกันอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด โดยกระทรวงฯ มีหน้าที่เป็นผู้กำกับนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผน
ด้านนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) กล่าวว่า เห็นด้วยกับการทยอยปรับขึ้นแอลพีจี โดยส่วนตัวเห็นว่าจะเป็นรูปแบบการทำราคาแอลพีจีของประชาชนให้เป็นราคาเดียวกัน แต่อุดหนุนในส่วนของค่าไฟฟ้าครัวเรือนที่ยากจนจะลดภารลงได้มากกว่าหรือไม่ เพราะหากขายแอลพีจีในราคาแตกต่างกันในแต่ละกลุ่มผู้ใช้อาจเกิดการถ่ายเทและเป็นอันตราย
สำหรับสถานการณ์ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศขณะนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นทำให้ค่าตลาดลดลง โดยล่าสุดเบนซินอยู่ที่ 90 สตางค์/ลิตร ดีเซล 1 บาท/ลิตร ดังนั้นราคาขายปลีกน้ำมันในสัปดาห์นี้จึงไม่สามารถปรับลดลงได้ แต่บริษัทฯ จะไม่เปลี่ยนราคา