TLUXEทุ่ม 400ลบ.ตั้งรง.ใหม่ผลิตอาหารกุ้ง-ปลา,เป้ารายได้ปีนี้โตกว่า 15%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 9, 2012 15:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุโรจน์ เสนีย์ประกรณ์ไกร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (TLUXE) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ 400 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตอาหารกุ้งและอาหารปลาแห่งใหม่ที่ จ.สงขลา ซึ่งมีกำลังการผลิตอาหารกุ้งอยู่ที่ 7.2 หมื่นตัน/ปี และอาหารปลา 3.6 หมื่นตัน/ปี คาดว่าจะเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 3/56 รองรับความต้องการของลูกค้าในภาคใต้และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ซึ่งจะทำให้มีความต้องการจากประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียเข้ามาเพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังผลิตอาหารกุ้ง 7.2 หมื่นตัน/ปี กำลังผลิตอาหารปลา 3.6 หมื่นตัน/ปี แต่ในไตรมาส 2/55 กำลังผลิตอาหารกุ้งจะเพิ่มเป็น 1 แสนตัน/ปี และอาหารปลาจะเพิ่มเป็น 7 หมื่นตัน/ปี เป็นผลจากการลงทุนขยายกำลังผลิตในปีที่แล้ว

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะขยายฟาร์มเลี้ยงกุ้งและปลาเพิ่ม โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 30-40 ล้านบาท รวมทั้งสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้า ซึ่งขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จไปแล้วกว่า 50%

"ตอนนี้เรามีเงินทุนสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรอยู่ 400-500 ล้านบาท ซึ่งก็จะนำมาใช้สร้างโรงงานใหม่และรองรับการเปิดโครงการใหม่ๆในอนาคต โดยไม่ต้องเพิ่มทุนในอีก 3-4 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ก็ยังมีเงินที่จะได้จากการใช้สิทธิแปลงวอร์แรนต์ ปีละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 ปี ที่จะเริ่มเข้ามาในเดือน มี.ค.นี้อีก รวมเป็นเงินกว่า 400 ล้านบาท"นายอนุโรจน์ กล่าว

นายอนุโรจน์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 55 เติบโตมากกว่า 15% หรือมีรายได้แตะ 3.3 พันล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากบริษัทแม่ 3 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตตามอุตสาหกรรมที่ยังมีความต้องการใช้อาหารกุ้งและอาหารปลาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาส่งออกทรงตัวอยู่ในระดับสูง

พร้อมกันนั้น บริษัทจะรับรู้รายได้ราว 300 ล้านบาท จากบริษัท เอส เอ็ม พี ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกดำเนินธุรกิจผลิตอาหารสำเร็จรูปและอาหารแช่แข็ง หลังจากที่บริษัทเข้าไปถือหุ้นเพิ่มเป็น 96% เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.54

"เมื่อช่วงปลายเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาเราได้เข้าถือหุ้นบริษัทลูกซึ่งเป็นบริษัทอาหารแช่แข็งสำเร็จรูปเพิ่มเป็น 96% จากเดิมถืออยู่ 21% เนื่องจากบริษัทดังกล่าวขาดทุนติดต่อกัน 2 ปีซ้อน แต่เราเล็งเห็นว่าเป็นบริษัทที่มีศักยภาพและหน้าต่อยอดได้ ประกอบกับเรามีกระแสเงินสดที่เพียงพอจึงเข้าไปซื้อเพิ่ม แต่ในปีนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถกลับมาทำกำไรได้หรือไม่ เพราะตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการrestructure แต่บริษัทนี้ที่ผ่านมาก็มีรายได้ปีละ 250-300 ล้านบาท"นายอนุโรจน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ