นายชวลิต หวังธำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลธัญญะ (PHOL)กล่าวว่า ในปี 55 บริษัทฯพร้อมนำธุรกิจกลุ่มสิ่งแวดล้อม หรือธุรกิจน้ำออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง อาทิ พม่า ลาว เวียดนาม เนื่องจากประเทศเหล่านี้อยู่ระหว่างการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน จึงถือเป็นโอกาสที่จะเข้าไปสร้างฐานทางธุรกิจรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยเฉพาะหลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 58 จะทำให้ตลาดในภูมิภาคนี้รวมเป็นตลาดเดียว การแข่งขันจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ดังนั้นการสร้างฐานธุรกิจไว้รองรับอย่างแข็งแกร่งจะทำให้สามารถรับมือกับการแข่งขันในอนาคตได้อย่างคล่องตัว
"ในปีนี้ธุรกิจน้ำจะขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง ทั้งพม่า ลาว และเวียดนาม เนื่องจากเป็นประเทศที่เริ่มพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างจริงจัง ทำให้ธุรกิจนี้เป็นที่ต้องการของตลาด ในขณะที่เราเองหลังจากปรับโครงสร้างทางธุรกิจในปลายปีที่ผ่านมาทำให้มีความพร้อมขยายตลาดอย่างเต็มที่ ทั้งด้านตัวผลิตภัณฑ์และด้านการตลาด ประกอบกับบริษัทฯ มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญตลาดในภูมิภาคดังกล่าวเป็นอย่างดีอยู่แล้ว จึงทำให้การขยายธุรกิจทำได้คล่องตัวยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คงเป็นเพียงการสร้างฐานทางธุรกิจเพื่อรองรับการขยายตลาดอย่างจริงจังในอนาคต ซึ่งคาดว่าในครึ่งแรกจะเห็นความชัดเจนเรื่องการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นในต่างประเทศ เพื่อขยายธุรกิจร่วมกัน" นายชวลิตกล่าว
สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจควบคู่ด้วยกันทั้งธุรกิจน้ำ และธุรกิจผลิตภัณฑ์อาชีวอนามัย และความปลอดภัย ซึ่งมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของบริษัทฯ หลังจากที่ในช่วงปลายปี 54 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจน้ำ ทำให้สามารถขยายได้อย่างคล่องตัวในปีนี้ โดยให้ PHOL เป็นผู้ทำการตลาด เนื่องจากมีฐานลูกค้าและบุคคลากรที่เชี่ยวชาญทางด้านการตลาดและขายอยู่แล้ว ส่วนบริษัท พีดี เจเนซิส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกจะเน้นการผลิตและบริการ เพื่อให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนธุรกิจเซฟตี้ มั่นใจว่าในปีนี้ยังเติบโตได้ดี ตามการขยายตัวของภาคการผลิต ถึงแม้ว่าโรงงานที่ประสบอุทกภัยบางส่วนจะยังไม่สามารถผลิตได้ตามปกติ แต่เนื่องจากได้ย้ายส่วนการผลิตไปผลิตในโรงงานที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยแทน จึงทำให้โรงงานดังกล่าวต้องใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ยอดขายสินค้าเซฟตี้จึงเพิ่มขึ้นในส่วนการผลิตที่ไม่ได้รับปัญหาอุทกภัย และสามารถชดเชยยอดขายที่หายไปจากโรงงานที่ประสบอุทกภัยได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้นในปีนี้บริษัทฯ ยังได้ขยายช่องทางขายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เน้นจัดจำหน่ายผ่านทางตัวแทนจำหน่ายและขายตรงสู่โรงงาน มาเพิ่มในช่องทางขายส่งและขายปลีกเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้ยอดขายในกลุ่มเซฟตี้เพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะสนับสนุนให้รายได้รวมสามารถเติบโตได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปี 54
“ในปีนี้เราคาดว่าธุรกิจน้ำหลังจากผ่านการผ่าตัดครั้งใหญ่จะกลับมาสร้างรายได้อย่างโดดเด่นอีกครั้ง โดยสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10 ของรายได้รวม จากปีก่อนที่ทำได้เพียงร้อยละ 5 เท่านั้น ในขณะที่ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจเรื่องความปลอดภัยในการทำงานยังเติบโตได้ดี ดังนั้นจึงมั่นใจว่าเป้าหมายรายได้รวมของบริษัทฯ ที่เราวางไว้จะเติบโต ประมาณร้อยละ 20 จากปี 54 อย่างแน่นอน" นายชวลิต กล่าว
นายธีรเดช จารุตั้งตรง กรรมการผู้จัดการ PHOL คาดวา รายได้จากธุรกิจน้ำในปี 55 จะเติบโต 100% มาที่ 80 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำรายได้ 40 ล้านบาท จากการขยายฐานเข้าไปในลูกค้ากลุ่มเซฟตี้ที่มีอยู่ 3-4 พันราย เพื่อให้รู้จักสินค้าประเภทบำบัดน้ำมากขึ้น และจะขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มพาณิชย์ และอุตสาหกรรม รวมทั้งขยายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในกลุ่มธุรกิจน้ำ เช่น อุปกรณ์ไส้กรองน้ำ
สำหรับแนวโน้มรายได้ไตรมาส 1/55 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/54 ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรปีนี้คาดว่าจะดีกว่าปีก่อนที่ 28.86 ล้านบาท เพราะอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะขยับขึ้นเป็น 6.5-7% จากปีก่อนที่ 4% เพราะปีนี้มีการบริหารจัดการต้นทุนได้ดี และวอลุ่มที่เพิ่มขึ้น
พร้อมกันนั้น ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุน 20 ล้านบาท เพื่อเปิดสาขาธุรกิจเซฟตี้ที่ภาคใต้ 1 แห่ง ตะวันออกเฉียงเหนือ 2 แห่งซึ่งในงบลงทุนดังกล่าวรวมถึงค่าสินค้า เงินมุนหมุนเวียน และคลังสินค้า