สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 130,970 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 125,545 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 96% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 4,778 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 1 ปี 3 ปี และ 15 ปี (LB133A LB155A และLB27DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,774 ล้านบาท หรือคิดเป็น 64% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 434 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC128A) หุ้นกู้ของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS127A) และหุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL132A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 283 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 32,989 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 13,431 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 10,599 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวในกรอบแคบ ประมาณ 1 ถึง 2 Basis Point ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในวันนี้ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างคึกคัก โดยการซื้อขายยังคงกระจุกตัวอยู่ที่พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นที่มีการประมูลในวันนี้ เนื่องจากปัจจัยบวกจากความคืบหน้าของมาตรการแก้ปัญหาหนี้ประเทศกรีซ สำหรับสัปดาห์หน้าตลาดคาดการณ์ว่าจะมีแรงซื้อจากต่างชาติเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีอุปทานของพันธบัตรใหม่ออกมาค่อนข้างมาก ประกอบกับค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.02% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.39% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.01% จากวันก่อนหน้า