บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน(HEMRAJ)เนื่องจากปี 55 กำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดดและยืนสูงได้ต่อในปี 56 โดยคาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทในปี 55 จะขยายตัวดี เนื่องจากในปี 54 ขายที่ดินได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.67 พันไร่ ซึ่งจะรับรู้รายได้มากในปีนี้ และในปี 55 ตั้งเป้าหมายการขายที่ดินไว้ที่ 1.5 พันไร่ ซึ่งน่าจะทำได้ไม่ยากเพราะมีผู้ประกอบการเข้ามาซื้อที่ดินในภาคตะวันออกมากขึ้นหลังเกิดน้ำท่วมรุนแรงในภาคกลาง, อยุธยา, ปทุมธานี และนนทบุรีในปี 54,
นอกจากนี้ ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Gheco-1 คาดว่าจะเริ่มตั้งแต่ 2Q55 เป็นต้นไป และส่วนนี้เป็น Key growth หลักของกำไรสุทธิปี 55 ส่วนแนวโน้มระยะยาวไปได้ดีและความเสี่ยงทางธุรกิจต่ำลง เนื่องจากมีส่วนแบ่งกำไรที่แน่นอนจากธุรกิจโรงไฟฟ้า, ค่าเช่า และบริการสาธารณูปโภคเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของกำไรจากธุรกิจขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม พร้อมให้ราคาพื้นฐาน 3.34 บาท
สำหรับมุมมองกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ได้เลือก Top Pick คือ AMATA และ HEMRAJ ที่คาดว่าปีนี้ยอดขายจะโดดเด่น แต่ยังคงคำแนะนำในเชิงลบกับ ROJNA เพราะคาดว่าจะได้รับผลลบจากเรื่องน้ำท่วม หลังปลายปี 54 น้ำได้เข้าท่วมนิคม ทำให้มีความเสี่ยงเรื่องการขาย และการโอนในอนาคต
ตามที่นักลงทุนสิงคโปร์มองไทยพร้อมสุดในอาเซียน ไม่หวั่นปัญหาการเมือง-น้ำท่วม เผยมั่นใจศักยภาพพื้นที่ แรงงานฝีมือไทย เชื่อหลังเปิดเออีซี นักลงทุนไหลเข้าไทยคึกคัก เพราะศักยภาพพร้อมเป็น ฮับ ทั้งชิ้นส่วนยานยนต์-อิเล็กทรอนิกส์ แห่งภูมิภาคอาเซียน ระบุปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทยังรับได้ ต่ำกว่าสิงคโปร์ ใกล้เคียงมาเลเซีย แม้พม่าเปิดประเทศ แต่ไทยเป็นฐานผลิต ชิ้นส่วนยานยนต์-อิเล็กทรอนิกส์ที่มีศักยภาพ
การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะเริ่มใช้ในปี 58 ซึ่งจะมีผลให้ 10 ประเทศสมาชิกกลายเป็นฐานการผลิต และเป็นตลาดเดียวกัน ภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันจะลดลงเป็น 0% จะเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีกับธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมไทย ด้วยเหตุผลที่ตั้งของไทยเป็นทำเลยุทธ์ศาสตร์คือ อยู่กึ่งกลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เป็นฐานการผลิตที่สำคัญของการผลิตและประกอบยานยนต์และชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก และมีแรงงานที่มีความสามารถสูง ประท้วงน้อย และมีวัฒนธรรมอ่อนน้อมถ่อมตน
ล่าสุด(9 มี.ค.)หุ้น HEMRAJ ปิดที่ 2.68 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท(+1.52%)