บมจ.เพรซิเดนท์ เบเกอรี่(PB) คาดว่ารายได้ในปี 55 จะเติบโตราว 13% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5.5 พันล้านบาท พร้อมกันนั้นบริษัทตั้งเป้าจะรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 14.8% โดยตั้งงบลงทุนราว 500-600 ล้านบาทเพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่ และรถขนส่งสินค้าเพิ่ม ขณะที่กำลังศึกษาขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน อย่างพม่า เป็นต้น
นายอภิชาติ ธรรมมโนมัย กรรมการผู้อำนวยการ PB กล่าวว่า ยอดขาย 2 เดือนแรกปีนี้เติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย แต่ก็ยังมีอัตรการเติบโตเมื่อเทียบกับ 2 เดือนแรกปี 54 โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดขายเติบโตได้ไม่มาก เนื่องจากหลังภาวะร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เป็นช่องทางจำหน่ายสำคัญของบริษัทต้องทยอยเปิดทำการ และตลาดต่างจังหวัดที่ถูกน้ำท่วม อย่างอยุธยายังซบเซา แต่ทั้งปีเชื่อว่ายอดขายจะเติบโตได้ตามเป้าที่ 13% เพราะบริษัทพยายามกระตุ้นส่งเสริมการขายและออกสินค้าใหม่
บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ไว้ประมาณ 500-600 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในเครื่องจักรใหม่ราว 400 ล้านบาท ที่เหลือซื้ออุปกรณ์ ซื้อรถขนสินค้าใหม่และระบบคอมฯ โดยเมื่อปีก่อนสั่งรถอีซูซุไป 100 คัน แต่ส่งมอบมาได้แค่ 20 คันเพราะน้ำท่วมและสึนามิในญี่ปุ่นก็ต้องเลื่อนการส่งมอบรถมาปีนี้แทน
ส่วนเครื่องจักรจะเพิ่มสายการผลิตขนมปังปอนด์ใหม่ไลน์ที่ 6 ที่โรงงานในบางชัน โดยจะติดตั้ง เม.ย.และแล้วเสร็จ ก.ค.55 และเพิ่มแม่พิมพ์ใหม่เพื่อผลิตแดลี่แซนวิชเครื่องที่ 5 ที่โรงงานในลาดกระบัง กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นได้อีก 20% ทั้งนี้ ถ้ามองอัตราการเติบโตของรายได้ปีละ 13% กำลังการผลิตที่มีอยู่นี้ยังสามารถรองรับได้อีก 2 ปี
ขณะที่ราคาเชื้อเพลิงที่ปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปี 55 แค่ 0.5% แต่ถ้าราคาน้ำมันยังปรับขึ้นอีกเรื่อยๆ มองที่ 0.7-1% ที่จะมีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายที่ปรับขึ้น ปีนี้จะออกสินค้าใหม่ 10 กว่ารายการ จะเน้นอาหารพร้อมทาน เน้นสินค้าที่เป็น value added ราคาประมาณ 20 บาท/ชิ้น
"พระเอกของเรายังเป็นขนมปังปอนด์ ที่มีมาร์เก็ตแชร์ 80-90% เพราะถ้าดูในไทยมี 7 เครื่องที่ผลิต ซึ่งเป็นของเรา 5 เครื่องแล้ว มองว่าตลาดยังโตได้อีกเรื่อยๆ ขณะที่อาหารพร้อมทานได้รับความนิยมมากขึ้นมองเป็นโอกาสที่เราจะพัฒนา อย่างตอนนี้มีคอนวิเนียนสโตร์(ร้านสะดวกซื้อ) ที่เปิด 24 ชม. ตลาดก็กว้างขึ้น"นายอภิชาต กล่าว
นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า บริษัทยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาสินค้าในขณะนี้ ตราบใดที่ต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายยังไม่ปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยตอนนี้ราคาวัตถุดิบโดยรวมยังถือว่าทรงๆ เช่น แป้งสาลี เราได้เจรจาซื้อล่วงหน้าและตกลงราคาแล้ว ส่วนน้ำตาลทรายปรับขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่กระทบมากหากยอดขายเราปรับขึ้นด้วย ไข่ใช้วันละ 1.5 แสนฟอง ช่วงหลังจากที่ราคาไข่แพงเราได้ปรับมาเป็นนำเข้าไข่ผงแทน ซึ่งราคาถูกว่า ถือว่าบริหารต้นทุนได้ แต่ถ้าต่อไปค่าใช้จ่ายสูงขึ้นจนแบกรับไม่ไหวค่อยพิจารณา
บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในต่างประเทศ มองโอกาสที่พม่าน่าสนใจ โดยสัดส่วนรายได้ปัจจุบันมาจากการขายส่ง 91.6% รีเทล 2.52% ฟาสฟูดส์ 5.75% และส่งออก 0.14% ปัจจุบันมีลูกค้าญุ่ป่นแห่งเดียว ครึ่งปีหลังนี้เราได้ลูกค้ารายใหญ่เพิ่มอีก 1 รายที่ฮอกไกโด ทำให้ครึ่งปีหลังเป็นต้นไปจะส่งออกสินค้าไปเพิ่มเป็น 5 ตู้/เดือน จาก 2 ตู้/เดือน