บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์(WORK) เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาทเพื่อเปิดช่องทีวีดาวเทียมอย่างเป็นทางการภายใต้คอนเส็ปต์ชื่อ"เวิร์คพอยท์ทีวี วาไรตี้เต็มจอ"ซึ่งจะเป็นช่องรายการวาไรตี้ที่ประกอบด้วย เกมโชว์ วาไรตี้โชว์ ละคร คอนเสิร์ต และซิทคอม สามารถรับชมทางจานดาวเทียมระบบ C band และ KU band ผ่านกล่องรับสัญญาณ PSI ที่ช่องหมายเลข 7 และเคเบิ้ลทีวีทั่วประเทศ
นายปัญญา นิรันดร์กุล ประธานกรรมการ WORK เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้จากทีวีดาวเทียมที่จะรับรู้ในปีนี้เป็นปีแรก กว่า 100 ล้านบาท และมั่นใจจะทำกำไร หลังได้มีการทดลองออกอากาศตั้งแต่เดือน ต.ค. 54 และได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้
"ตอนนี้ cover ทุนไปหมดแล้วและคงมีกำไรด้วย เพราะเราได้ช่องที่ดีเป็นเลขตัวเดียว เรทติ้งก็ดี ขณะที่ค่าโฆษณาก็สูงกว่าหลายๆช่อง เพราะเราขายหลายช่องทาง...ทีวีดาวเทียม ถือเป็นอีกรายได้ที่เสริมเข้ามาและมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะวอลุ่มยังไม่เยอะ ไม่เหมือนฟรีทีวี ที่แต่ละปีจะโตน้อย แต่ก็เป็นธุรกิจที่มีวอลุ่มเยอะ ดังนั้น เราก็ต้องให้ความสำคัญควบคู่กันไป"นายปัญญา กล่าว
ทั้งนี้ รายการที่ออกอากาศในช่องเวิร์คพอยท์ทีวี ผ่านทีวีดาวเทียม จะมีรายการยอดนิยมในอดีต และยังมีรายการที่ซื้อจากต่างประเทศ รวมทั้งยังมีรายการที่ผลิตร่วมกับพันธมิตร และรายการที่บริษัทผลิตขึ้นมาใหม่
นายครรชิต ควะชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน WORK กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าในปี 55 จะมีรายได้ 2.3 พันล้านบาท หรือเติบโต 30% จากปี 54 ที่มีรายได้ 1.8 พันล้านบาท เป็นการเติบโตจากทุกหน่วยธุรกิจ และบริษัทมีแผนรักษาอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ที่ระดับ 17-18% จากปีก่อนอยู่ที่ 17.55%
ธุรกิจทีวีคาดมีรายได้ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 1.3 พันล้านบาท ธุรกิจอีเว้นท์ คาดมีรายได้ 300 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 180 ล้านบาท ธุรกิจภาพยนตร์ 120 ล้านบาท จาก 80 ล้านบาทในปีก่อน และสื่อสิ่งพิมพ์ 100 ล้านบาท จากปีก่อน 70 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ คือ ทีวีดาวเทียมกว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยปีละ 20%
นายครรชิต กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะเปิดตัวรายการทีวีใหม่อีก 2 รายการออกอากาศในฟรีทีวี หลังจากที่ต้นปีนี้ได้เปิดไปแล้ว 1 รายการ ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีรายการทางฟรีทีวีทั้งสิ้น 15 รายการ และภายในปีนี้ บริษัทมีแผนทยอยปรับขึ้นค่าโฆษณาเฉลี่ย 10% แต่ไม่ได้ปรับชึ้นในทุกรายการ
"ราคาหุ้นของบริษัทถือว่าต่ำกว่าพื้นฐานอยู่มาก เป็นเพราะนักลงทุนอาจไม่ได้รับข้อมูล หรือยังไม่เห็นการเติบโตของบริษัทซึ่งตอนนี้เรามีทีวีดาวเทียมเข้ามา ก็น่าจะทำให้นักลงทุนสนใจมากขึ้น แต่บริษัทเราก็ถือว่ามีจุดเด่นในเรื่องการบริหารจัดการหนี้สินที่ดี เพราะเราไม่มีหนี้ มีกำไรที่ดี เพราะเงินสดที่สร้างได้มีมากกว่าเงินที่ใช้ลงทุน และเป็นหุ้นที่เน้นปันผล"นายครรชิต กล่าว