(เพิ่มเติม) CENTELคาดรายได้Q1/55ดีเกินเป้า,เจรจาญี่ปุ่น-ไต้หวันซื้อแบรนด์อาหารใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 13, 2012 14:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า(CENTEL)เปิดเผยว่า รายได้ในไตรมาส 1/55 มีทิศทางที่ดี น่าจะทำได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งธุรกิจโรงแรมและอาหาร โดยธุรกิจโรงแรมคาดว่าอัตราการเข้าพักจะเพิ่มขึ้นเป็น 74-75% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 70% ขณะที่บริษัททยอยปรับค่าห้องพักในหน้าไฮซีซั่นราว 3-7% ส่วนธุรกิจอาหารนั้น เชนร้านอาหาร"โอโอโตย่า"เริ่มทำกำไรแล้ว

ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีโรงแรมที่ CENTEL รับบริหารเปิดใหม่ 12 แห่ง และมีโรงแรมร่วมทุนที่มัลดีฟอีก 1 แห่ง พร้อมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อแบรนด์อาหารใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น โดยคู่เจรจามีทั้งญี่ปุ่นและไต้หวัน คาดว่าจะสรุปได้อย่างน้อย 1 รายได้ในปีนี้ และบริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการนำแบรนด์ร้านอาหารของไทยไปทำตลาดในต่างประเทศด้วย

นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารและการเงิน CENTEL คาดรายได้ไตรมาส 1/55 ดีเกินเป้าหมาย และทั้งปีตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 20% ทั้งธุรกิจอาหารและโรงแรม โดย 2 เดือนแรกของปีนี้อัตราเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 74-75% จากงวดเดียวกันปีก่อน 70% ขณะที่รายได้ต่อจำนวนห้องที่มีไว้ขายเติบโต 6-7% ซึ่งตั้งแต่ต้นปีมานี้ได้ปรับราคาค่าห้องพักเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-7% เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น และคาดว่าในไตรมาส 1/55 อัตราเข้าพักทั้งในและต่างประเทศสดใส อย่างโรงแรมที่มัลดีฟส์รายได้ทะลุเป้าแล้วคาดว่าไตรมาส 1/55 มีกำไร

ส่วนธุรกิจอาหารก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเทียบปีก่อน โดยเฉพาะเชนร้านอาหาร"โอโอโตย่า"ที่ซื้อมาเมื่อปีก่อน ยอด 2 เดือนนี้มีกำไรแล้ว ในปีนี้มีแผนจะซื้อแบรนด์อาหารเพิ่มอีก 1 แบรนด์ ตอนนี้ที่เจรจาอยู่มีทั้งอาหารญุ่ปุ่นและไต้หวัน

บริษัทยังมองหาโอกาสขยายการไปลงทุนธุรกิจอาหารในต่างประเทศด้วยซึ่งช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนแถบเอเชียเข้าเจรจาชวนบริษัทร่วมลงทุนในต่างประเทศโดยเอาธุรกิจอาหารไทยไปเปิด แต่บริษัทขอดูความพร้อมก่อน ยังไม่ได้ข้อสรุป และรอให้แบรนด์ไทยที่บริษัทบริหารอยู่ได้รับความนิยมซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2 แบรนด์ เช่น เดอะเทอเรซ

ปัจจัยเสี่ยงที่น่ากังวลในปีนี้ ได้แก่ เรื่องการเมือง ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ค่าพลังงานของบริษัทในปีนี้สูงกว่าปี 54,ค่าแรงที่ปรับขึ้นเป็น 300 บาท/วัน ซึ่งค่าแรงที่ปรับขึ้นนี้จะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียง 2% ของยอดขาย แต่ในปีนี้ภาษีนิติบุคคลลดลงเหลือ 23% ซึ่งช่วยชดเชยกันได้ ผลกระทบจึงไม่มี

นายรณชิต กล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 20% เป็น 1.37 หมื่นล้านบาท เป็นธุรกิจอาหาร 8.2 พันล้านบาท โรงแรม 5.5 พันล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมที่บริษัทไปซื้อหุ้นโรงแรมที่กะรน จ.ภูเก็ต เข้ามาเพิ่ม ซึ่งคาดว่าปีนี้จะรับรู้รายได้ 300 ล้านบาท ในส่วนของโรงแรมปีนี้มีเปิดใหม่ 13 แห่ง เป็นโรงแรมที่บริษัทรับจ้างบริหาร 12 แห่ง โดยมี 1 แห่งที่บริษัทร่วมลงทุนถือหุ้น 50% ที่มัลดีฟส์ คาดเปิดปลายปีนี้

"ปีนี้ธุรกิจโรงแรมคาดโต 15-20% โดยเฉพาะโรงแรมในกทม.เซ็นทารา ลาดพร้าวและเซ็นทรัลเวิล์ดที่เปิดเต็มที่แล้ว อย่างเซ็นทรัลเวิล์ดยอดทะลุเป้า ทั้งจัดเลี้ยงประชุมสัมมนาโดดเด่นขึ้นมา ในส่วนธุรกิจอาหารปีนี้คาดโต 25-27% ช่วงที่ผ่านมายัง maintainได้โดยโตจากโอโตย่า และ KFC จะเป็น key driver ของปีนี้" นายรณชิต กล่าว

ขณะเดียวกัน บริษัทได้ปรับตัวเพื่อรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) และพร้อมรับการแข่งขัน โดยยริษัทจะบุกไปรับบริหารโรงแรมในประเทศแถบอาเซียน โดยเฉพาะในพม่าซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีโรงแรม ในอ.แม่สอด ศ่งมียอดเข้าพักดีมาก ส่วนโรงแรมเซ็นทาราขอนแก่นคาดเปิดในเดือน พ.ค.นี้จากที่เลื่อนมาจากเดือนก.พ.ที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ