สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 82,413 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 75,611 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 92% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 5,289 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 1 ปี และ 3 ปี (LB133A LB155A และLB15DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 3,930 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 857 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK137A) หุ้นกู้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI222A) และหุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC144A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 482 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 20,531 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 4,945 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 8,974 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุของตราสาร หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 3 ถึง 7 Basis Point โดยปัจจัยหลักเป็นเรื่องของอุปทาน (Supply) ของพันธบัตรที่ออกมาค่อนข้างมากในเดือนนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าประมูลเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากสถาบันการเงินที่สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น Primary Dealer ในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศยังคงมีแรงซื้อพันธบัตรระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.02% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.46% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.04% จากวันก่อนหน้า