นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ (SIRI) กล่าวมั่นใจเป้ารายได้ของบริษัทในปี 55 ที่ 28,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขาย 27,000 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ ประมาณ 1,000 ล้านบาท หลังจากที่สามารถสร้างยอดขายในไตรมาสที่ 1/55 ดีกว่าที่คาดการณ์ บริษัทมียอดขายแล้วกว่า 11,000 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ 10,000 ล้าน ทำให้ต้องปรับเป้ายอดขายในไตรมาสแรกใหม่เป็น 12,700 ล้านบาท
ณ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้แล้วกว่า 35,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้จะเป็นยอดขายรอรับรู้รายได้ของปี 55 นี้จำนวน 19,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 72 ของเป้าหมายรายได้จากการขายในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่พร้อมจะโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้อีกกว่า 14 โครงการ ซึ่งบางโครงการจะสามารถโอนกรรมสิทธิได้เร็วกว่ากำหนด ประกอบกับโรงงานพรีคาสของแสนสิริ ซึ่งมีกำลังการผลิตประมาณ 150 หลังต่อเดือน ที่เริ่มเดินสายการผลิตแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยิ่งจะช่วยทำให้บริษัทสามารถส่งมอบบ้านได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
"บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 55 น่าจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง เนื่องจากจะมีคอนโดมิเนียมจำนวนถึง 7 โครงการ ที่จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ในไตรมาสที่ 4 ที่จะถึง" นายเศรษฐา กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมั่นใจกับแผนการเปิดตัว 44 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 45,000 ล้านบาท ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ หัวหิน เขาใหญ่ และภูเก็ต โดยล่าสุดบริษัทได้รับอนุมัติวงเงินกู้หมุนเวียน(working cap) จากธนาคารกรุงไทย เป็นวงเงิน 2,500 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายงาน และเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารงานของบริษัทได้เพิ่มมากขึ้นอีก รวมทั้งการเริ่มใช้สิทธิ์ของใบสำคัญแสดงสิทธิ์ (SIRI-W1) ก็จะยิ่งเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทมากขึ้นอีกด้วย
ในปี 55 ใบสำคัญแสดงสิทธิ (SIRI-W1) จะเริ่มใช้สิทธิการแปลงสภาพ ได้เป็นครั้งแรกในวันที่ 30 มีนาคมนี้ และสามารถใช้สิทธิได้ทุกวันทำการสุดท้ายของทุกไตรมาสไปจนถึงเดือน มกราคม 2558 โดยใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยมีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1.167 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.114 บาท โดยผู้ที่มีความต้องการจะใช้สิทธิเพื่อแปลงสภาพ สามารถยื่นความจำนงค์ได้ระหว่างวันที่ 23-29 มี.ค.55