สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 55,502 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 27,473 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 49% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 24,970 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 3 ปี 7ปี และ 20 ปี (LB155A LB193A และLB326A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 13,304 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53 % ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 985 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT183A) หุ้นกู้ เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK137A) และหุ้นกู้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC15OC) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 564 ล้านบาท หรือคิดเป็น57% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 6,034 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้ซื้อสุทธิ 3,765 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ 98 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรง หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 5ถึง 12 Basis Point ตามทิศทางของ swap rate ประกอบกับ Supply พันธบัตรออกใหม่ในตลาดมีค่อนข้างมาก นักลงทุนต่างชาติวันนี้มีแรงขายในพันธบัตรอายุ 1-5 ปี
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.02% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.51% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.05% จากวันก่อนหน้า