ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 16.42 จุดรับข่าวแบงก์ใหญ่ผ่าน stress test

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 15, 2012 06:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า มีธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของสหรัฐ 15 แห่งที่ผ่านมาทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) และจากการที่เฟดปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ค่อนข้างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนบางกลุ่มได้เข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกติดต่อกัน 6 วันทำการ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 16.42 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 13,194.10 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 1.67 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 1,394.28 จุด ดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 0.85 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 3,040.73 จุด

ในช่วงแรกของการซื้อขายนั้น ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเนื่องจากตลาดขานรับผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐ โดยเฟดระบุว่า มีธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 15 แห่ง จากทั้งหมด 19 แห่งที่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต ซึ่งธนาคารที่ผ่านการทดสอบนั้นประกอบด้วย แบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน, อเมริกัน เอ็กซ์เพรส, แคปิตอล วัน, รีเจียนส์, บีบีแอนด์ที, ฟิฟท์ เติร์ด, เวลส์ ฟาร์โก, แบงก์ ออฟ อเมริกา, พีเอ็นซี, โกลด์แมน แซคส์, เจพีมอร์แกน เชส, มอร์แกน สแตนลีย์, ยูเอส แบงก์คอร์ป และคีย์คอร์ป

ส่วนธนาคาร 4 แห่งที่ไม่สามารถผ่านการทดสอบภาวะวิกฤตในครั้งนี้ได้แก่ ซิตี้กรุ๊ป, ซันทรัสต์, แอลลี ไฟแนนเชียล และเม็ทไลฟ์ เนื่องจากสัดส่วนเงินทุนขั้นต่ำไม่เพียงพอที่จะรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งรวมถึงอัตราว่างงานที่อาจจะพุ่งขึ้นรุนแรงถึง 13%

ตลาดได้แรงหนุนมากขึ้นเนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับเฟดที่ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินครั้งล่าสุด โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขยายตัวปานกลาง และคาดว่าอัตราว่างงานจะค่อยๆปรับตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเริ่มซบเซาลงในช่วงบ่าย เนื่องจากนักลงทุนบางกลุ่มได้เข้ามาเทขายทำกำไร หลังจากดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกติดต่อกัน 6 วันทำการ

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวผันผวน โดยซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 3.4% หุ้นธนาคารเมทไลฟ์ดิ่งลงกว่า 3.3% หลังจากเฟดระบุว่าธนาคารทั้ง 2 แห่งไม่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต ส่วนหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 4.1% หุ้นเรเจียนส์ ไฟแนนเชียล คอร์ป พุ่งขึ้น 6.9% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ขยับขึ้น 0.1% หลังจากธนาคารเหล่านี้ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต

หุ้นกลุ่มขนส่งร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P 500 โดยหุ้นซีเอสเอ็กซ์ คอร์ป ร่วงลง 2.9% และหุ้นยูไนเต็ด แปซิฟิก คอร์ป ร่วงลง 2.4%

หุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 1% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ ดิ่งลง 2.5% หลังจากราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้

หุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 3.8% ทำสถิติพุ่งขึ้นติดต่อกัน 6 วันทำการ หลังจากนักวิเคราะห์หลายคนได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงบวกเกี่ยวกับแอปเปิล โดยล่าสุดมอร์แกน สแตนลีย์ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นแอปเปิลขึ้นเหนือระดับ 700 ดอลลาร์

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สหรัฐขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมากขึ้นเกินคาด แตะที่ 1.241 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2554 หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.24% ของจีดีพี เนื่องจากตัวเลขนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น แต่ตัวเลขส่งออกลดลง ส่งผลให้ขาดดุลการค้ามากขึ้น

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรของต่างชาติเดือนม.ค.

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ