ในไตรมาส 1/55 คาดว่ายอดขายจะใกล้เคียงไตรมาส 1/54 ที่ 186 ล้านบาท เนื่องจากกำลังการผลิตเต็มที่แล้วที่ 90%ประกอบกับตลาดในประเทศเพิ่งเริ่มดีขึ้นหลังน้ำลดโดยเฉพาะโซนตะวันตกของกรุงเทพ เพิ่งกลับมาปกคิกลาง ก.พ.
และแนวโน้มยอดขายในไตรมาส 2/55 คาดว่าจะใกล้เคียงไตรมาส 1/55 เพราะเป็นช่วงเข้าติดตั้งเครื่องจักรใหม่ กำลังการผลิตจึงไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่ากำลังการผลิตใหม่จะเดินเครื่องเต็มที่ในครึ่งหลังของปี 55 โดยตาดว่าทั้งปีจะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาท โดยรายได้จะเข้ามาในครึ่งหลังของปีประมาณ 2 ใน 3 ของรายได้
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายตลาดเพื่อรับกับกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ผลิตอยู่ที่ 30,000 ตันต่อปี เป็น 45,000 ตันต่อปีในปีนี้ โดยจะเริ่มทดลองเดินเครื่องจักรใหม่ในไตรมาส 1/55 ก่อนจะเริ่มทำการย้ายเครื่องจักรจากโรงงานเดิมเข้าเสริมในช่วงไตรมาส 2/55 คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 55
นายขวัญชัย กล่าวว่า ปีนี้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 36,000 ตันในปีนี้จาก 25,000 ตันในปีก่อน ซึ่งจะทำให้ยอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 25% และในปี 57 กำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 60,000 ตัน/ปี
สำหรับงบในการเพิ่มกำลังการผลิตครั้งนี้ใช้เงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท รวมซื้อที่ดินและเครื่องจักร โดยแหล่งเงินส่วนหนึ่งมาจากเงินกุ้ของธนาคารกสิกรไทย จำนวน 300 กว่าล้านบาท เมื่อต้นมี.ค.ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่นจากเดิมที่มีการส่งออกไปยังประเทศ เวียดนาม มาเลเซีย อินเดีย เนปาล และบังกลาเทศ โดยคาดว่าสัดส่วนการส่งออกปีนี้จะไม่น้อยกว่า 25% ของยอดขายทั้งปี
"จากทิศทางอุตสาหกรรมพลาสติกในปี 55 ที่น่าจะมีทิศทางขยายตัวตามสภาพเศรษฐกิจในประเทศที่กำลังปรับตัวดีขึ้น จึงเชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของ COLOR อีกปีหนึ่ง" นายขวัญชัย กล่าว
นายขวัญชัย กล่าวว่า บริษัทพิจารณาแนวทางการเพิ่มทุน เพื่อนำไปลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งในปีก่อนจ่ายภาระดอกเบี้ย 11 ล้านบาท และปีนี้จะมีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น เพราะมีจำนวนหนี้เพิ่มขึ้น โดยมั่นใจว่าการระดมทุนผ่านตลาดทุน เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่บริหารต้นทุนและบริหารงานได้อย่างประสิทธิภาพ
"การเพิ่มทุนต้องขอมติบอร์ด ให้ตัดสินใจอีกครั้ง ทั้งตัวเลขเพิ่มทุน ก่อนจะประชมผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 เมษายน" นายขวัญชัยกล่าว