ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กข้อมูลศก.สหรัฐสดใส หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 58.66 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 16, 2012 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี และตัวเลขการผลิตที่แข็งแกร่ง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง และยังช่วยหนุนดัชนี S&P ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1,400 จุดได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 ปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 58.66 จุด หรือ 0.44% ปิดที่ 13,252.76 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 8.32 จุด หรือ 0.60% ปิดที่ 1,402.60 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 15.64 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 3,056.37 จุด

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่า ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 15 แห่ง รวมถึงเจพีมอร์แกน, แบงก์ ออฟ อเมริกา และโกลด์แมน แซคส์ จากทั้งหมด 19 แห่ง ได้ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ส่วนธนาคารไม่ผ่านการทดสอบมีเพียง 4 แห่งเท่านั้น รวมถึง ซิตี้กรุ๊ป และธนาคารเม็ทไลฟ์ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะมีสถานะทางการเงินและฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจได้

ตลาดได้รับแรงหนุนมากขึ้นเมื่อสหรัฐรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 มี.ค. ลดลง 14,000 ราย มาอยู่ที่ 351,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2551 ซึ่งย้ำให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่เฟดสาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีการผลิตในรัฐนิวยอร์กขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 20.2 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2553 และยังเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 เดือน ส่วนเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในเขตมิดเวสต์ดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี

ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวปานกลางและอัตราว่างงานจะค่อยๆปรับตัวลงในวันข้างหน้า

หุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรมทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้น 10 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P 500 และยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนี S&P ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1,400 จุดได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 ปี โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.7% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค พุ่งขึ้น 2.5% ส่วนหุ้นเจนเนอรัล อิเล็ทริก (จีอี) ดีดตัวขึ้น 1.3%

หุ้นกลุ่มขนส่งปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้นยูเอส แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้น 3.9% หุ้นเฟดเอ็กซ์ คอร์ป พุ่งขึ้น 2.7% และหุ้นซีเอสเอ็กซ์ทะยานขึ้น 7.4%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นขานรับมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวได้ดี โดยหุ้นไอบีเอ็มปรับตัวขึ้น 0.4%

หุ้นแอปเปิล อิงค์ ร่วงลง 1.6% หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับ 600 ดอลลาร์ต่อหุ้นในระหว่างวันเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะขยับลงมาปิดที่ระดับ 585.56 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่ถึงกระนั้นก็ตาม นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์คาดว่า ราคาหุ้นแอปเปิลมีโอกาสที่จะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 700 ดอลลาร์ต่อห้น

หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวเซส (เอเอ็มดี) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพสำหรับคอมพิวเตอร์พีซีรายใหญ่ พุ่งขึ้น 5.7% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์เจฟเฟอร์รีย์ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเอเอ็มดีขึ้นสู่ระดับ "buy" จากเดิม "hold"

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันศุกร์ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ