ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 มี.ค.) หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์เตือนว่า อังกฤษมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ขยับลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากตัวเลขคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5,940.72 จุด ลดลง 4.71 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงหลังจากฟิทช์ เรทติงส์ ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษเป็น "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" ซึ่งบ่งชี้ว่ามีโอกาสสูงกว่า 50% ที่อันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA จะถูกปรับลดลงภายในระยะเวลา 2 ปี และยังสะท้อนให้เห็นว่าอังกฤษมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียอันดับเครดิต AAA เนื่องจากรัฐบาลอังกฤษเผชิญกับอุปสรรคในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้ช่วยจำกัดการร่วงลงของตลาดหุ้นลอนดอน โดยสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 มี.ค. ลดลง 14,000 ราย มาอยู่ที่ 351,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2551 และดัชนีการผลิตในรัฐนิวยอร์กขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 20.2 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2553
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐและอังกฤษเตรียมระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉินเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน โดยหุ้นบีพีร่วงลง 1.3% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ขยับลง 0.7%
หุ้นไชร์ในกลุ่มเวชภัณฑ์ ร่วงลง 3.1% หลังจากมีรายงานว่าสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) อาจจะขอให้ทางบริษัททำการทดสอบเพิ่มเติม ก่อนที่จะอนุมัติให้จำหน่ายยา Replagal อย่างไรก็ตาม บริษัทไชร์ยืนยันว่าข้อเรียกร้องของ FDA จะไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้
หุ้นเทสโก้ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่สุดของอังกฤษ ดิ่งลง 1% หลังจากมีรายงานว่านายริชาร์ด บราสเชอร์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจะลาออกจากทีมผู้บริหารในเดือนก.ค.นี้ หลังจากส่วนแบ่งตลาดของเทสโก้ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี