นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON) กล่าวว่า บริษัทจะมีกำไรเติบโตโดดเด่นอย่างมีนัยสำคัญในปี 55 จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ถึง 4.2 พันล้านบาท ซึ่งการขายสินทรัพย์แต่ละครั้งจะมีกำไรสุทธิตามสัดส่วนการถือหุ้น ขณะที่คาดว่ารายได้ในปีนี้จะสูงขึ้นมาที่ 5.3 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.2 พันล้านบาท หรือเติบโตกว่า 100%
การขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาฯจะทยอยดำเนิการอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน(TFUND)จำนวน 2.26 พันล้านบาท โดยในไตรมาส 1/55 ขายสินทรัพย์โรงงานเข้ากองทุนจำนวน 760 ล้านบาท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์(TLogis) จำนวน 2 พันล้านบาท
บริษัทจะนำเงินดังกล่าวไปลงทุน ซึ่งปีนี้ตั้งงบลงทุน 3.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อที่ดิน 1 พันล้านบาท และก่อสร้างโรงงาน 2.5 พันล้านบาท รวมทั้งจ่ายคืนหนี้ จะช่วยให้อัตราหนี้สินต่อทุนของบริษัทลดลงจาก 1.8 เท่า เนื่องจากบริษัทจะนำเงินจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนบางส่วนมาคืนหนี้ รวมทั้งจะออกหุ้นกู้จำนวน 800 ล้านบาทเพื่อทดแทนหุ้นก้เดิมที่จะครบอายุในเดือน ต.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมขออนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้นช่วงเดือนเม.ย.ในการขออนุมัติวงเงินออกหุ้นกู้จำนวน 2 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีแผนออกหุ้นกู้เพิ่มเติมจากแผนที่จะออกหุ้นกู้เพื่อชดเชยหุ้นกู้เดิมที่จะครบอายุ เนื่องจากต้นทุนการออกหุ้นกู้อายุ 5 ปีอยู่ที่ 4% กว่ายังถูกกว่ากู้เงินธนาคารพาณิชย์ที่ต้นทุนเฉลี่ยราว 5% กว่า
สำหรับการขึ้นราคาค่าเช่าพื้นที่ปีนี้ปรับขึ้นแล้วโดยเฉลี่ยที่ 5% ซึ่งสอดคล้องกับต้นทุนค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าการปรับขึ้นค่าแรงงานมากกว่าที่คาดเนื่องจากเป็นการปรับขึ้นค่าแรงโดยไม่รวมค่าล่วงเวลา อย่างไรก็ตาม การลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 23% จาก 30% ทำให้บริษัทลดต้นทุนได้เพิ่มเติมด้วย
"เราก็มีแผนจะออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีกเพราะว่าต้นทุนทางการเงินถูกกว่าการกู้เงินแม้ว่าจะรวมค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆแล้วเบ็ดเสร็จต้นทุนยังถูกกว่ารวมก็ 1% กว่า ส่วนการออก TDR คงไม่ทำแล้ว เพราะกฏระรเบียบยุ่งยาก ต้นทุนสูง เราระดมทางอื่นสะดวกกว่าอย่างการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน"นายวีรรพันธ์ กล่าว