นายมณฑล เชตุวัลลภกุล รองกรรมการผู้จัดการสายงานการบัญชีและการเงินและสำนักงาน บมจ.เอื้อวิทยา(UWC) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบมจ.แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค(CEN)เปิดเผยกับ"อินโฟควสท์"ว่า ขณะนี้สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เริ่มนับ 1 ข้อมูลไฟลิ่งตามคำขอเสนอขาย IPO แล้ว ซึ่งบริษัทฯกำลังรอให้สำนักงานก.ล.ต.อนุมัติก่อนจะกำหนดชัดเจนว่าจะเสนอขายหุ้น IPO ได้เมื่อไร
ทั้งนี้ เบื้องต้นบริษัทฯอยากจะระดมทุนให้ได้เม็ดเงินประมาณ 150-300 ล้านบาทจากการเสนอขาย IPO พร้อมคาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างเร็วสุดในเดือน พ.ค.นี้ โดยบริษัทฯคาดว่าจะเปิดให้ผู้ถือหุ้นของ CEN จองซื้อหุ้นได้ประมาณช่วงหลังสงกรานต์ คาดว่าจะมีสัดส่วนการจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้น CEN ในสัดส่วน 13 หุ้น CEN ต่อ 1 หุ้น UWC แต่ราคาเสนอขาย IPO กับราคาที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้น CEN จะเป็นราคาเดียวกัน เพียงแต่ผุ้ถือหุ้น CEN จะได้สิทธิซื้อก่อนเท่านั้นเอง
อนึ่ง ข้อมูลล่าสุดเมื่อ 20 เม.ย.2554 CEN ถือหุ้น UWC ในสัดส่วน 90.98% ภายหลังจากขาย IPO จะถูกลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 65.12%
"ทุนจดทะเบียนของบริษัทฯก่อนเสนอขาย IPO ก็มีจำนวน 250 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท แต่หลังจากขาย IPO แล้วทุนจดทะเบียนของบริษัทฯจะเป็น 350 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทฯก็กำลังพยายามจะขอเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเลย ซึ่งก็ได้มีการคุยกับทางตลาดหลักทรัพย์แล้ว แต่ทางตลาดฯว่าอยากจะให้ทางก.ล.ต.เรียบร้อยก่อน"นายมณฑล กล่าว
นายมณฑล กล่าวต่อว่า เม็ดเงินที่ได้จากการเสนอขาย IPO บริษัทฯก็จะนำมาใช้ซื้อเครื่องจักร และอุปกรณ์การดำเนินธุรกิจ ซึ่งในส่วนของเครื่องจักรตอนนี้ก็กำลังเลือกอยู่ ระหว่างผู้ผลิตในเยอรมัน หรือฝรั่งเศส ซึ่งมีประเด็นต้องพิจารณาทั้งบริการหลังการขาย และประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร เป็นต้น คาดว่าจะใช้เม็ดเงินประมาณ 25-40% ของเงินทั้งหมดที่ได้จากการขาย IPO
ปัจจุบัน บริษัทมีหนี้สินต่อทุน(D/E)ประมาณ 0.3-0.4:1 และเพื่อให้เกิดความสมดุล[ริษัทฯก็คาดว่าจะใช้วงเงินสินเชื่อของสถาบันการเงินบ้าง ซึ่งบริษัทฯวางแผนที่จะให้มี D/E ไม่เกิน 1:1 หรือ 2:1
อนึ่ง UWC จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 99,496,000 หุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญไม่เกิน 28.30 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้ถือหุ้น CEN และอีกไม่ต่ำกว่า 71.196 ล้านหุ้น เสนอขายต่อประชาชนทั่วไป โดยมีบล.คันทรี่ กรุ๊ป เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้
*เป้ารายได้ปีนี้โต 60-70%, เตรียมรับงานเสาส่งมูลค่ารวม 800 ลบ.
รองกรรมการผู้จัดการสายงานการบัญชีและการเงินและสำนักงาน UWC กล่าวว่า บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 55 ไว้ที่ 60-70% จากปี 54 ที่มีรายได้กว่า 600 ล้านบาท ซึ่งมาจากงานตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงที่เป็นงานเดิมได้กลับมาเดินหน้าอีกครั้ง และงานเสาไฟฟ้าแรงสูงที่จะทยอยออกมาตลอด 2-3 ปี ส่วนผลกำไรของบริษัทฯในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตเกินเท่าตัวจากปี 54 เนื่องจากปีนี้บริษัทฯได้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และงานก็ได้กลับมาเดินต่ออีกครั้งด้วย
บริษัทยังคาดว่าจะได้รับงานเสาส่ง 2 รายการ มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาทในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นการรับงานต่อจากผู้รับเหมาหลักที่ประมูลงานได้จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)โดยคาดว่าจะเซ็นสัญญารับงานได้ในช่วงกลางเดือนนี้ ขณะนี้ยริษัทมีงานในมือ(Backlog)ประมาณกว่า 200 ล้านบาท
"ผู้รับเหมา Egat ไม่ได้มีเจ้าเดียว ดังนั้นเราต้องทำตัวเป็นกลางเจ้าไหนมาก็ขายได้หมด ประมูลงานมาเจ้าไหนได้ เราก็จะรับหมด...ตอนนี้เรายังไม่คิดบุกตลาดต่างประเทศ เพราะแค่งานในประเทศก็ยังมีให้ทำอยู่เยอะ แต่บริษัทฯก็มีการขายเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงให้กับบริษัทที่ตั้งอยู่ในไทย แล้วทางบริษัทไทยก็เอาไปติดตั้งที่ประเทศลาว และกัมพูชาเอง"รองกรรมการผู้จัดการ UWC กล่าว
อย่างไรก็ดี บริษัทฯกำลังมองธุรกิจอื่นที่ต่อยอดจากธุรกิจหลักของบริษัทฯ และสามารถทำกำไรได้ อย่างงานติดโครงเหล็กหลังคา งานเชื่อมตัด, เจาะเกี่ยวกับเหล็ก เป็นต้น