ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 409,265 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 19, 2012 16:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (12— 16 มีนาคม 2555) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 409,265 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 81,853 ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 5% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 82% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 335,316 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 63,135 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 4,391 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB155A (อายุ 3.18 ปี), LB15DA (อายุ 3.74 ปี) และ LB193A (อายุ 6.98 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 14,537 ล้านบาท 10,512 ล้านบาท และ 9,539 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB12403A (อายุ 14 วัน), BOT151A (อายุ 3 ปี) และ CB12327A (อายุ 14 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 86,292 ล้านบาท 51,364 ล้านบาท และ 33,191 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่ หุ้นกู้บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK137A((A)) มูลค่าการซื้อขาย 429 ล้านบาท หุ้นกู้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI155A (A+)) มูลค่าการซื้อขาย 420ล้านบาท และหุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL132(A+)) มูลค่าการซื้อขาย 400 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve) พันธบัตรรัฐบาลอายุตั้งแต่ 3 ปี — 20 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงต้นสัปดาห์ ประกอบกับผลการประมูล ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้อย่างมาก โดย พันธบัตรอายุ 3 ถึง 10 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้นระหว่าง +13 ถึง +28 bp. ส่วนพันธบัตรระยะยาวอายุมากกว่า 10 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้นระหว่าง +8 ถึง +13 bp. (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า yield อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกจาก Supply ของพันธบัตรที่ยังมีออกมาอย่างต่อเนื่องในเดือนนี้ ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนยังต้องการรอดูความชัดเจนของการประชุม กนง. ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า (21 มีนาคม 2555) ซึ่งตลาดคาดว่า กนง. อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ เนื่องจากภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น อีกทั้งรัฐบาลอาจมีการยกเลิกการตรึงราคาก๊าซหุงต้มในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อให้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนสถาบันบางรายเรื่มขายพันธบัตรระยะกลางออกมาเพื่อทำกำไรก่อนที่จะเข้าประมูลพันธบัตรระยะกลางในช่วงกลางสัปดาห์หน้า

ทางด้านสถานการณ์ในต่างประเทศแม้ความกังวลเรื่องวิกฤตหนี้ภาครัฐของกรีซจะผ่อนคลายลงบ้างแล้ว แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจยูโรโซนจะยังชะลอตัว โดย ECB ได้ปรับลดการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจปี2012 เป็น -0.5% ถึง +0.3% ทำให้ตลาดคาดว่าเม็ดเงินจากต่างประเทศน่าจะยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ 26,222 ล้านบาทในตลาดตราสารหนี้ โดยมูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่ของนักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงเน้นไปในตราสารระยะสั้น (มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) เป็นหลัก และสำหรับนักลงทุนรายย่อย มีสัดส่วนของการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดค่อนข้างน้อย โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมามียอดขายสุทธิประมาณ 111 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ