ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 6.51 จุดรับข่าว"แอปเปิล"จ่ายเงินปันผล

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 20, 2012 06:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัท แอปเปิล อิงค์ ประกาศจ่ายเงินปันผลและซื้อคืนหุ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงบวกจากดัชนีความเชื่อมั่นในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐที่ยังคงเคลื่อนไหวที่ระดับสุงสุดในรอบ 5 ปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 6.51 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 13,239.13 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 5.58 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 1,409.75 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 23.06 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 3,078.32 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นทันทีที่บริษัท แอปเปิล อิงค์ ประกาศจ่ายเงินปันผลมูลค่า 2.65 ดอลลาร์ต่อหุ้น และจะเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากมีเสียงเรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกจัดการกับเงินสดจำนวนมหาศาลที่มีอยู่

หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 2.2% และปิดที่เหนือระดับ 600 ดอลลาร์ หลังจากแอปเปิลออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ ทางบริษัทจะจ่ายเงินปันผลไตรมาส 4 ให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ส่วนการซื้อหุ้นคืนจะเริ่มในปีงบการเงินหน้า ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 30 ก.ย.

นอกจากนี้ ตลาดยังแรงหนุนจากรายงานของสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 28 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2550 และไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันมา 5 เดือน

หุ้นบริษัท ยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งพัศดุภัณฑ์ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากยูพีเอสบรรลุข้อตกลงซื้อกิจการบริษัท ทีเอ็นที ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ โดยยูพีเอสได้ปรับเพิ่มราคาเสนอซื้อขึ้นอีก 5.6% เป็น 5.16 พันล้านยูโร (6.8 พันล้านดอลลาร์) ด้วยเป้าหมายที่จะทำข้อตกลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ 105 ปีของยูพีเอส และถือเป็นการท้าทายบริษัทคู่แข่งรายใหญ่อย่าง ดีเอชแอล

การที่ยูพีเอสรุกซื้อกิจการทีเอ็นทีจะทำให้ยูพีเอสก้าวขึ้นมาอยู่ในสถานะเดียวกับดีเอชแอล ของดอยช์ โพสต์ ในตลาดยุโรป ขณะที่ยูพีเอส ซึ่งจะสามารถกวาดรายได้ 4.5 หมื่นล้านยูโรภายหลังจากเข้าเทคโอเวอร์ทีเอ็นทีนั้น คาดหวังว่า การรวมกิจการในครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถประหยัดต้นทุนก่อนหักภาษีได้ 400-550 ล้านยูโรต่อปี หลังจากพ้นระยะ 4 ปีไปแล้ว

ด้านบริษัท ทีเอ็นที ได้วางแผนที่จะหันมามุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในยุโรปอีกครั้ง หลังจากบริษัทขาดทุนจากการดำเนินงานโดยรวม 105 ล้านยูโรในปี 2554 โดยขาดทุนในสหรัฐ 360 ล้านยูโร และขาดทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 76 ล้านยูโร

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตเหล็กของสหรัฐดีดตัวขึ้น โดยยูเอสสตีล พุ่งขึ้น 6.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P 500 ขณะที่หุ้นสตีล ไดนามิกส์ และหุ้นเอเค สตีล โฮลดิ้ง ปิดบวกอย่างน้อย 2% หลังจากบริษัทหลายแห่งในอุตสาหกรรมเหล็กของสหรับประกาศขึ้นราคาสินค้าในสัปดาห์ที่แล้ว

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวผันผวน โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.8% ขณะที่หุ้นซิตี้กรุ๊ปดีดตัวขึ้น 1.3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวขึ้น 2%

หุ้นสปรินท์ เน็กซ์เทล ร่วงลง 4.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของแซนฟอร์ด ซี ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นสปรินท์ เน็กซ์เทล อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า สปรินท์ เน็กซ์เทล อาจจะไม่สามารถทำยอดได้ขายได้มากเพียงพอ

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ. วันพุธ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.พ. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ