บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี(AGE) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยในอินโดนีเซียที่มี AGE ถือหุ้น 100% ทุนจดทะเบียน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้เป็นฐานในการเข้าซื้อเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าภายในไตรมาส 1/55 จะมีข้อสรุปการเจรจาซื้อเหมือนถ่านหิน 1 แห่ง
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ AGE กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2555 คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยซึ่งเป็นบริษัทลูกในประเทศอินโดนีเซีย โดย AGE ถือหุ้น 100% มีทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้บริษัทดังกล่าวเป็นศูนย์การลงทุนในต่างประเทศ เช่น เข้าไปถือหุ้นในเหมืองทุกแห่งที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนซึ่งขณะนี้ใกล้ที่จะได้ข้อสรุปแล้ว แม้จะมีความล่าช้าไปบ้างเนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้
และการที่คณะกรรมการบริษัทจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2554 เป็นหุ้นปันผลในอัตรา 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และเงินสดปันผลอีกส่วนหนึ่ง เนี่องจากผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เรียกร้องให้จ่ายเป็นหุ้นปันผลเหมือนปีที่ผ่านมา นอกจากทำให้ผู้ถือหุ้นได้ผลตอบแทนจากหุ้นปันผลแล้วยังได้กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น(capital gain)อีกด้วย ขณะที่บริษัทเป็น growth stock มีโครงการลงทุนหลายโครงการ จึงมีความจำเป็นต้องเตรียมเงินไว้เพื่อการลงทุนด้วย
"ผู้ถือหุ้นของบริษัทกว่า 85% เป็นผู้ลงทุนที่ถือหุ้นตั้งแต่ AGE เข้าตลาดหลักทรัพย์และไม่เคยขายหุ้นเลย ผู้ถือหุ้นเหล่านี้จะได้ผลตอบแทนจากปันผลเพียงอย่างเดียว เมื่อบริษัทมีกำไรมากกรรมการเห็นควรจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราที่น่าพอใจด้วย สำหรับนักลงทุนที่กังวลการเกิด Dilution 20% นั้นไม่ต้องกังวลเนื่องจากในแต่ละปีมีอัตราการเจริญเติบโตไม่น้อยกว่า 40% สุดท้ายยังมีการเจริญเติบโตสุทธิเกิน 20%"นายพนม กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 55 บริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้และกำไรจะเติบโต 40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5.3 พันล้านบาท และกำไร 260 ล้านบาท หลังความต้องการถ่านหินยังมีอยู่สูงทั้งจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายถ่านหินจำนวน 3 ล้านตัน แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 2 ล้านตัน และต่างประเทศ 1 ล้านตัน ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/55 คาดว่าจะใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการเจรจาซื้อเหมืองถ่านหินที่ประเทศอินโดนีเซียคาดว่าจะได้ข้อสรุป 1 เหมืองภายในครึ่งปีแรกนี้ จากปัจจุบันที่เจรจอยู่ 4-5 เหมือง ทั้งนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน เพื่อต่อยอดธุรกิจเหมืองถ่านหิน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3/55