ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 68.94 จุดจากขายทำกำไร,วิตกศก.จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 21, 2012 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากตลาดปรับตัวขึ้นติดต่อกันหลายวันในรอบสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และรายงานตัวเลขสร้างบ้านที่ร่วงลงเกินคาดของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 68.94 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 13,170.19 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 4.23 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 1,405.52 จุด ดัชนี Nasdaq ขยับลง 4.17 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 3,074.15 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงทันทีที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านลดลง 1.1% ในเดือนก.พ. มาอยู่ที่ 698,000 ยูนิต ซึ่งสวนทางกับข้อมูลการขออนุญาตก่อสร้างที่พุ่งขึ้น 5.1% สู่ระดับ 717,000 ยูนิต ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นสูงสุดนับแต่เดือนต.ค.2551 ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนว่า ตลาดที่อยู่อาศัยที่อ่อนแอจะเพิ่มแรงกดดันต่อแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะอยู่ที่ 700,000 ยูนิตในเดือนก.พ. เมื่อเทียบกับ 706,000 ยูนิต ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีการปรับทบทวนของเดือนม.ค. และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างจะอยู่ที่ 690,000 ยูนิตในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นจาก 682,000 ยูนิตในเดือนม.ค.

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากทางการจีนเปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 45 เขตเมืองของจีนร่วงลงในเดือนก.พ. อันเนื่องมาจากการใช้มาตรการควบคุมการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังได้ปรับลดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 7.5% จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ที่ 8% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลจีนได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ หลังจากที่ได้คงเป้าหมายเอาไว้ที่ 8% มาเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน

นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังเป็นไปอย่างซบเซา เมื่อแบงก์ ออฟ อเมริกา/เมอร์ริล ลินช์ เปิดเผยผลสำรวจผู้จัดการกองทุนทั่วโลก ซึ่งพบว่า 47% ของผู้จัดการกองทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ในระยะนี้

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองแร่รายใหญ่ระดับโลก คาดการณ์ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจจะทำให้จีนใช้สินแร่เล็กน้อยลงในระยะหลายปีข้างหน้า โดยหุ้นเพียบอดี้ เอนเนอร์จี ดิ่งลง 5.4% หุ้นคลิฟท์ เนเชอรัล รีซอสเซส ร่วงลง 2.4% หุ้นยูเอส สตีล ปรับตัวลง 0.9% และหุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลงกว่า 1%

หุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้างและเหมืองแร่ ดิ่งลง 2.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายทั่วโลกชะลอตัวลง

หุ้น Adobe Systems ร่วงลง 3.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสลดลงอย่างหนักเนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.9% และหุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอัญมณีรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 6.7% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าผลกำไรจะเพิ่มขึ้นในปีนี้

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.พ. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ