หุ้น KTC ปรับตัวขึ้น 5.50% มาอยู่ที่ 21.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.100.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 66.13 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.02 น.โดยเปิดตลาดที่ 20.70 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 21.20 บาท และราคาลงต่ำสุด 20.60 บาท
บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ.บัตรกรุงไทย(KTC) เนื่องจากแบงก์กรุงไทย(KTB)ทำหนังสือถึง ธปท. ขอซื้อหุ้น KTC จากรายย่อยทั้งหมดและจะถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ราคาเทนเดอร์ 25-28 บาทต่อหุ้น ซึ่งยังสูงกว่าราคาปิดล่าสุด ซึ่งถือเป็นโอกาสในการซื้อเก็งกำไรจนกว่าราคาปิดจะเท่ากับราคาเทนเดอร์
วานนี้(20 มี.ค.)หุ้น KTC ปิดที่ 20 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน ระบุว่า การลงทุนต้องระมัดระวัง มองว่าการเข้าเก็งกำไร KTC จากประเด็นดังกล่าวต้องระมัดระวัง เนื่องจากทางผู้บริหารของทั้ง KTB และ KTC ได้ออกมาปฏิเสธประเด็นดังกล่าวหลายครั้ง นอกจากนี้จากปัจจัยพื้นฐานของ KTC เองที่ถึงแม้ว่าจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2555 จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนจำนวนมากจากน้ำท่วม แต่ก็จะยังมีผลขาดทุนต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1/55 เราจึงยังคงให้ราคาเหมาะสมไว้ที่ 14.70 บาท โดยยังไม่ให้น้ำหนักเกี่ยวกับการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์นี้
แต่หากเป็นไปตามข่าว KTB จะได้ประโยชน์ในการถือหุ้นทั้งหมดของ KTC แต่จะทำให้ KTC เปลี่ยนสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยการถือหุ้น KTC ทั้ง 100% จะทำให้ KTB รับรู้กำไรทั้งหมดของ KTC และจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของ KTC ลดต่ำลง จากการใช้เงินทุนของ KTB ที่ต้นทุนต่ำกว่า นอกจากนี้แล้วจะทำให้ KTB สามารถรุกธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิตได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากจะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการซึ่งเป็นลูกค้าของ KTB อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามการเพิ่มการถือหุ้นใน KTC จะทำให้ KTC มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเรามองว่าจะทำให้ไม่ค่อยคล่องตัวในการทำธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีการแข่งขันที่รุนแรง และมีการเปลี่ยนแปลงโปรโมชั่นที่รวดเร็ว
ราคาเทนเดอร์ที่ 25 — 28 บาท ไม่แพง และถ้าอ้างอิงกรณีของ BAY กับ HSBC ราคาอาจสูงถึง 37 บาท รามองว่าเป็นราคาเสนอซื้อที่ 25 — 28 บาท ถือว่าไม่สูงมากนัก โดยคิดเป็นประมาณ 1.3 — 1.5 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (Book Value) ของ KTC ที่ 18.86 บาท/หุ้น และเมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่ BAY ซื้อพอร์ตของ HSBC ราคาเสนอซื้อหุ้น KTC จะอยู่ที่ 37 บาท