ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 78.48 จุดหลังภาคการผลิตจีน,ยูโรโซนหดตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 23, 2012 06:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากมีรายงานว่าภาคการผลิตของจีนและยูโรโซนหดตัวลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้บดปัจจัยปัจจัยบวกจากตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างหนักหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 78.48 จุด หรือ 0.60% ปิดที่ 13,046.14 จด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 10.11 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ 1,392.78 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 12.00 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 3,063.32 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนร่วงลงสู่ระดับ 48.1 ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับระดับ 49.6 ของเดือนก.พ. ซึ่งป็นการหดตัวลงติดต่อกัน 5 เดือน นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมี.ค.ยังเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนด้วย

ขณะที่มาร์กิต อิโคโนมิกส์ รายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของกลุ่มยูโรโซน ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 47.7 จุดในเดือนมี.ค. จากระดับ 49 จุดในเดือนก.พ. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 49.5 จุด

ทั้งนี้ ดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุด บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตหดตัวลง และดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตมีการขยายตัว

การหดตัวลงของภาคการผลิตจีนและยูโรโซนทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และยังบดบังปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 มี.ค. ลดลง 5,000 ราย มาอยู่ที่ 348,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2551 ตอกย้ำให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

หุ้น 8 ใน 10 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P 500 ร่วงลงอย่างหนัก นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มวัสดุ จากความกังวลที่ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะทำให้ความต้องการพลังงานและวัสดุปรับตัวลงด้วย เนื่องจากจีนมีบทบาทสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมานับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2551

หุ้นเชฟรอนร่วงลง 2.3% หุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.5% หุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ ร่วงลง 2.4%

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร (KBW Bank Index) ร่วงลง 1.6% โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 2.2% หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 2.4%

หุ้นเฟดเอ็กซ์ ร่วงลง 3.5% แม้ว่าเฟดเอ็กซ์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งทางอากาศรายใหญ่สุดของโลก เปิดเผยว่ากำไรในช่วงเดือนธ.ค.จนถึงเดือนก.พ.อยู่ที่ 521 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.65 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 231 ล้านดอลลาร์ หรือ 73 เซนต์ต่อหุ้น

นอกจากนี้ เฟดเอ็กซ์ยังได้คาดการณ์ว่า กำไรในไตรมาสแรกซึ่งสิ้นสุด ณ เดือนพ.ค. 2555 จะอยู่ที่ระดับ 1.75 - 2 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งค่อนข้างสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งที่ 1.98 ดอลลาร์ต่อหุ้น

หุ้นไดมอนด์ ฟู้ดส์ ซึ่งเป้นผู้ผลิตขนมขบเคี้ยว ร่วงลง 7.2% หลังจากบริษัทยกเลิกการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.ในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านใหม่ จะอยู่ที่ 0.325 ล้านยูนิตในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นจาก 0.321 ล้านยูนิตในเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ